ดาวโจนส์ร่วง 65 จุดนักลงทุนขายทำกำไร หลังบวก 4 วันติด

ดาวโจนส์ร่วง 65 จุดนักลงทุนขายทำกำไร หลังบวก 4 วันติด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(30มี.ค.)ปรับตัวร่วงลงในกรอบแคบ 65 จุด ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายทำกำไร จากสัญญาณที่ถดถอยลงของความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซีย และแนวโน้มเฟดใช้แนวทางเชิงรุกมากขึ้นในการควบคุมเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 65.38 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 35,228.81 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 0.63% ปิดที่ 4,602.45 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วง 1.21% ปิดที่ 14,442.27 จุด

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวสวนทางตลาด ขานรับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดวานนี้ หลังมีความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องยังช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

นายเมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี กล่าวว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่กรุงอิสตันบูลมีความคืบหน้ามากที่สุดนับตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มการเจรจาเป็นต้นมา พร้อมกับกล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียและยูเครนจะหารือกันในโอกาสต่อไปเกี่ยวกับประเด็นที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ก่อนที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน จะพบปะกันในที่สุด

ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า รัสเซียจะลดปฏิบัติการทางทหาร "ลงอย่างมาก" รอบกรุงเคียฟ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครน รวมทั้งเมืองเชอร์นิฮิฟ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความไว้วางใจระหว่างรัสเซียและยูเครน และเพื่อเอื้ออำนวยต่อการเจรจาสันติภาพในครั้งต่อไปของทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ดี หลายประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐและอังกฤษ แสดงความไม่มั่นใจต่อคำกล่าวอ้างดังกล่าวของรัสเซีย

แต่เมื่อวันพุธ รัสเซียระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณว่าการเจรจาสันติภาพกับยูเครนจะบรรลุผล ขณะที่มีรายงานว่ารัสเซียละเมิดคำสัญญาที่เคยระบุว่าจะลดการปฏิบัติการทางทหารในชานกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ ทางตอนเหนือของยูเครน

นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 460,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.7%

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 678,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 440,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (เอดีพี) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 455,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ เอดีพี ได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.พ.เป็นเพิ่มขึ้น 486,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 475,000 ตำแหน่ง

ภาคบริการมีการจ้างงาน 377,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่ภาคการผลิตมีการจ้างงาน 78,000 ตำแหน่ง

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4/2564 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 6.9% เท่ากับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.0% และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.1%

ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจสหรัฐเติบโต 6.3% ในไตรมาส 1/2564 และ 6.7% ในไตรมาส 2 ก่อนที่จะชะลอตัวสู่ 2.3% ในไตรมาส 3 เนื่องจากการขาดแคลนวัตถุดิบในภาคการผลิต ซึ่งกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ยอดขายรถยนต์ และตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง

เมื่อพิจารณาทั้งปี 2564 เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 5.7% ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2527 หลังจากที่หดตัว 3.4% ในปี 2563 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2489 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19