สหรัฐสั่งเจ้าหน้าที่กงสุลงานไม่จำเป็นออกจากเซี่ยงไฮ้

สหรัฐสั่งเจ้าหน้าที่กงสุลงานไม่จำเป็นออกจากเซี่ยงไฮ้

สหรัฐสั่งให้เจ้าหน้าที่งานไม่จำเป็น ณ สถานกงสุลเซี่ยงไฮ้ทุกคนออกจากเมือง พร้อมแสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของชาวอเมริกันในจีน ขณะรัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์สกัดโควิด-19

โฆษกสถานทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่งแถลงว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐขอให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานไม่จำเป็น ณ สถานกงสุลเซี่ยงไฮ้ ออกจากเมืองเนื่องจากการระบาดของ โควิด-19 ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ นอกจากนี้นักการทูตอเมริกันยังกังวลเรื่องความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพลเมืองสหรัฐกับทางการสาธารณรัฐประชาชนจีน

“สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพนักงานของเราและครอบครัวคือลดจำนวนและการปฏิบัติการลง เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ” แถลงการณ์ระบุ

วันนี้ (12 เม.ย.) เซี่ยงไฮ้ เมืองใหญ่สุดของจีนรายงานผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่กว่า 23,000 คน ขณะที่ชาวบ้านบางคนผู้อาศัยอยู่ในย่านความเสี่ยงต่ำได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้ในสัปดาห์นี้ แต่ระเบียบที่ไม่ชัดเจนและความเสี่ยงกลับไปล็อกดาวน์อีกหากพบการติดเชื้อเพิ่มทำให้ชาวเซี่ยงไฮ้ทำตัวไม่ถูก

ขณะเดียวกันเสียงวิจารณ์แนวทางบดขยี้การระบาดของจีนก็ดังขึ้นทุกขณะ เนื่องจากส่วนอื่นๆ ของโลกเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับโควิดกันแล้ว หอการค้าสหภาพยุโรปเตือนว่า ยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ ของจีนบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ จดหมายจากหอการค้าเร่งเร้าให้รัฐบาลจีนเปลี่ยนแนวทางหันไปฉีดวัคซีนแก่ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่อัตราการฉีดวัคซีนต่ำมาก และอนุญาตให้คนที่ติดโควิดแต่อาการน้อยกักตัวที่บ้านได้

ด้านชาวเซี่ยงไฮ้ใช้โซเชียลมีเดียระบายความโกรธเรื่องขาดแคลนอาหารและถูกทางการควบคุมอย่างหนัก เช่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฆ่าสุนัขคอร์กี และนโยบายพรากเด็กติดโควิดออกจากผู้ปกครองที่ตอนนี้นโยบายได้ผ่อนคลายลงบ้างแล้ว

วันนี้หลายคนยังคงพยายามเสาะหารายละเอียดของประกาศอนุญาตให้คนที่อาศัยในเขตที่มีการติดเชื้อน้อยออกจากที่พักได้

ส่วนชาวเน็ตจีนฮือฮาไปกับคลิปเสียงที่เป็นไวรัล สามีภรรยาชาวเซี่ยงไฮ้คู่หนึ่งวิงวอนตำรวจอย่าส่งพวกตนไปศูนย์กักตัว หลังพบว่าได้รับการวินิจฉัยผิดว่าติดโควิด ต่อมาทางการกล่าวว่า สุดท้ายแล้วทั้งคู่ยินยอมให้ความร่วมมือกับทางการ และ “ไม่มีการวินิจฉัยผิดพลาดเกิดขึ้น”