K PLUS SHOP ยิงปิ๊บ จ่ายปั๊บ ด้วย QR Code

K PLUS SHOP ยิงปิ๊บ จ่ายปั๊บ ด้วย QR Code

-

K PLUS SHOP ยิงปิ๊บ จ่ายปั๊บ ด้วย QR Code

ครองความเป็นแบงก์ผู้นำอันดับ 1 ด้านDigital Bankingของประเทศและการเห็นแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องของตลาด Mobile Banking ทำให้ธนาคารกสิกรไทยเดินหน้าพัฒนาระบบการให้บริการด้าน Digital เน้นตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มฐานลูกค้าในมือ

ล่าสุดเคแบงก์ ได้เปิดตัว K PLUS SHOP แอปพลิเคชันแรกของธนาคารในประเทศไทยที่ชูจุดเด่น “ยิงปิ๊บ จ่ายปั๊บ” หรือการใช้จ่ายผ่าน QR Code ที่สะดวก ง่าย และปลอดภัย อีกทั้งยังมีจุดขายคือ สามารถรองรับการใช้จ่ายด้วย QR Code ของ Alipay และ WeChat Pay ได้

ขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย อธิบายถึงไอเดียการเปิดตัวแอปฯ ดังกล่าวนี้ว่า เป็นการมองเห็นโอกาสของผู้ประกอบการร้านค้าไทย ในการทำธุรกิจกับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ง่ายและสะดวก เพราะเป็นการทำธุรกรรมผ่านสมาร์ทโฟน โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที

ซึ่ง K PLUS SHOPเป็นบริการที่ต่อยอดจาก K PLUSแอปฯ ธนาคารบนมือถือของเคแบงก์ที่ประสบความสำเร็จด้านยอดผู้ใช้มากที่สุดในขณะนี้

โดยปัจจุบัน K PLUS มีผู้ใช้บริการกว่า6.5 ล้านรายและภายในสิ้นปี 2560 นี้เคแบงก์คาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มถึง 8 ล้านราย

อีกสิ่งที่น่าสนใจคือการได้เห็นตัวเลข แอคทีฟ ยูสเซอร์ ของ K PLUSที่มีแอคทีฟ ยูสเซอร์ของ K PLUS ที่มีอยู่ประมาณ 80% โดยในช่วงพีคจะมีทรานแซคชั่นเฉลี่ยสูงสุด 1 ล้านรายการต่อชั่วโมง และมีจำนวนธุรกรรมทั้งหมดเฉลี่ย 230 ล้านรายการต่อเดือน แนวโน้มดังกล่าวทำให้เคแบงก์เชื่อมั่นในกระแสการเติบโตของ Mobile Banking และมุ่งการทำตลาดไปที่ช่องทางลูกค้าทำธุรกรรมด้วยตัวเอง

ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ระบุว่า ปี 2559 มีจำนวนบัญชีลูกค้าที่ใช้บริการ Mobile Banking สูงขึ้นถึง 50% จากปี 2558 สะท้อนถึงการเข้าใกล้ Cashless Society ในอนาคตอันใกล้

K PLUS SHOP ยิงปิ๊บ จ่ายปั๊บ ด้วย QR Code

“อีกจุดที่เรามองคือ การที่เคแบงก์มีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอีเยอะที่สุดในตลาด มองว่าจุดแข็งของเราตรงนี้ช่วยในการขยายการให้บริการ K PLUS SHOPซึ่งลูกค้าเพียงมีบัญชีเคแบงก์ กับแอปฯ K PLUSก็สามารถเปิดใช้บริการ K PLUS SHOP ได้ทันที”

โดยขัตติยากล่าวต่อว่าสำหรับK PLUS SHOPเป็นการทำตลาดภายใต้กลยุทธ์ที่เรียกว่า Digital Cross-border Payment คือการให้บริการที่ครอบคลุมทั้งลูกค้ารายย่อย กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ และร้านค้าอีคอมเมิร์ซ เป็นอีกหนึ่งบริการที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับ Digital Ecosystem โดยมีจุดเด่นคือเป็นระบบการชำระเงินที่มีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่ายและทันสมัย

K PLUS SHOPเป็นแอปฯ ของธนาคารรายแรกในประเทศไทยที่รับจ่ายเงินด้วยคิวอาร์โค้ด ซึ่งสะดวกต่อฝั่งคนขายในขณะที่ลูกค้าสามารถใช้ฟีเจอร์อ่านคิวอาร์ โค้ด ที่อยู่บนแอปพลิเคชันโมบายแบงกิ้งใดก็ได้ ยิงที่คิวอาร์โค้ดของร้านก็สามารถชำระเงินให้กับร้านค้าได้ทันที

ในระยะแรก เคแบงก์จะเน้นทำตลาดกับร้านค้ารายย่อย ทั้งกลุ่มอาหารเครื่องดื่ม สินค้าแฟชั่น และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง โดยนำร่องเปิดพื้นที่ให้บริการใน 3 แหล่งช็อปปิ้งสำคัญของกรุงเทพฯ อย่างจตุจักร สยาม และแพลตินัมประตูน้ำ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นแหล่งช็อปสุดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวจีน

K PLUS SHOP ยิงปิ๊บ จ่ายปั๊บ ด้วย QR Code

“สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เป็นอีกตลาดใหญ่ที่เคแบงก์มองว่าน่าเข้าไปจับตลาด โดยจากการทำการบ้านพบข้อมูลว่าในปี 2558 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาประเทศไทย 7.9 ล้านคน โดยมียอดใช้จ่าย 380,000 ล้านบาท และในปี 2559 ยังเติบโตต่อถึง 8.8 ล้านคน โดยมียอดใช้จ่ายในประเทศไทย460,000 ล้านบาทสะท้อนถึงความนิยมของนักท่องเที่ยวจีน ที่ยังนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยและยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง” ผู้บริหารเคแบงก์กล่าว

K PLUS SHOP ยิงปิ๊บ จ่ายปั๊บ ด้วย QR Code

Alipayและ WeChatเป็นแอปลิเคชันชื่อดังในประเทศจีนซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า คนจีนนิยมใช้ Alipayและ WeChatเพื่อทำธุรกรรมด้านการเงินทางมือถือค่อนข้างสูงเนื่องจากคนจีนส่วนใหญ่จะมีแอปเหล่านี้ติดมือถือไว้ พร้อมเตรียมเงินในระบบให้พร้อมใช้ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนเดินมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีจีนที่ใช้ Alipay และ WeChat Pay มากกว่า 1,200 ล้านราย

ความร่วมมือของธนาคารกับ Alipay และ WeChat เป็นการตอกย้ำศักยภาพของธนาคารในฐานะผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจดิจิตอล แบงกิ้ง และผู้นำอันดับ 1 ในตลาดร้านค้ารับบัตร ที่ปัจจุบันมีเครื่องรับชำระเงินที่ติดตั้งเครื่องอ่านคิวอาร์โค้ดได้กว่า 200,000 เครื่อง และมีธุรกิจที่เปิดรับ Alipay กับ WeChat Pay แล้วประมาณ 3,000 ร้านค้า นับเป็นการเพิ่มศักยภาพให้บริการผ่านระบบบริการชำระเงินข้ามพรมแดน หรือ Cross-border Payment Solutions ในการเชื่อมต่อร้านค้าขนาดย่อมในประเทศไทยกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาประเทศไทยโดยเฉพาะ

ดังนั้น โอกาสธุรกิจจึงอยู่ตรงนี้ ขัตติยากล่าวว่า หากเราสามารถค้าขายกับลูกค้าจีน ด้วย QR Codeของ Alipay หรือ WeChat Pay ได้ ก็จะสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อีกทาง ซึ่งข้อดีของการสมัคร K PLUS SHOPคือร้านค้าไม่จำเป็นต้องผูกบัญชีPromptPayกับธนาคาร จึงทำให้สะดวก และง่ายในการเปิดใช้บริการ นอกจากนี้K PLUS SHOP ยังสามารถแยกบัญชีรายได้จากการขายสินค้าเป็นอีกบัญชี ไม่ปนกับบัญชีส่วนตัว มีรายงานสรุปยอดขาย เป็นรายชั่วโมง รายวัน รายเดือน และรายปี ทำให้ร้านค้าสามารถเห็นยอดรายรับได้อย่างชัดเจน ทำให้การทำบัญชีเป็นเรื่องง่าย

ซึ่งในจุดนี้เองที่ทำให้เคแบงก์ตัดสินใจนำ QR Code มาเป็นอีกช่องทางเพื่อรองรับบริการภายในแอปK PLUS SHOP เพื่อเจาะกลุ่มร้านค้ายุคดิจิทัล ที่เน้นการ “ซื้อง่ายขายคล่อง”

“การทำตลาดระยะแรก เราเน้นจับกลุ่มกับลูกค้าผู้ค้าส่งที่เขามีเครือข่ายร้านค้าอยู่แล้ว ขณะเดียวกันในด้านผู้ใช้ชาวจีนเอง ธนาคารก็มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านพันธมิตรอย่างAlipay และ WeChat  ซึ่งเหมือนกับเราเตรียมลูกค้าเราตั้งแต่ก่อนเขาบินมาด้วยซ้ำ”

ด้านพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาประเทศไทย ขัตติยาให้ข้อมูลว่า มีทั้งแบบมากับทัวร์และมาเที่ยวเอง แต่ส่วนใหญ่หลังจากมากับทัวร์ครั้งแรก ครั้งที่สองจะเลือกมาเอง

ในด้านการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน พบว่า 28% ช้อปปิ้ง 25% สำหรับค่าที่พัก อาหารเครื่องดื่ม 19% entertainment 10% จึงเป็นที่มาของการโฟกัสเปิดตลาดในทำเลช้อปปิ้ง

K PLUS SHOP ยิงปิ๊บ จ่ายปั๊บ ด้วย QR Code