ฮอนด้า เปิดราคา บีอาร์-วี เริ่ม 9.15 แสน พร้อมเพิ่มทางเลือกแพคเกจชุดแต่ง
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศราคา บีอาร์-วี ใหม่ (Honda BR-V) อย่างเป็นทางการ และจัดแสดงต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Big Motor Sale 2022
ฮอนด้า บีอาร์-วี” ใหม่ (Honda BR-V) เป็นเจเนอเรชั่นที่ 2 ทำตลาดต่อเนื่องจากเจเนอเรชันแรกที่เปิดตัวในปี 2558
โดยฮอนด้าปรับแนวทางการออกแบบ ให้มีความพรีเมียมมากขึ้น สปอร์ตมากขึ้น และให้อารมณ์ความเป็นรถครอสโอเวอร์มากขึ้น จากที่เจเนอเรชันแรก จะออกไปในแนว เอ็มพีวี มากกว่า
แต่จุดขายสำคัญก็ยังคงเหมือนเดิม คือเป็นรถที่สามารถใช้งานได้เอนกประสงค์ จากการเป็นรถ 7 ที่นั่ง และเบาะนั่งแถว 2 และแถว 3 สามารถปรับได้หลายรูปแบบ ซึ่งเป็นจุดเด่นและจุดขายของ บีอาร์-วี หรือจริงๆ แล้ว ก็เป็นจุดขายในฮอนด้าหลายๆ รุ่น
โดยราคา บีอาร์-วี ใหม่ 2 รุ่นย่อย ประกอบด้วย
- รุ่น E ราคาเริ่มต้น 915,000 บาท
- รุ่น EL ราคาเริ่มต้น 973,000 บาท
ทั้ง 2 รุ่น ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC ให้กำลังสูงสุด 121 แรงม้า ที่ 6,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบ/นาที เกียร์ CVT โดยมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.1 กม./ลิตร รองรับเชื้อเพลิงได้ถึง E20
จุดขายอีกอย่างของ บีอาร์-วี เจเนอเรชัน 2 คือ การติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ในทุกรุ่นย่อย
ส่วนออปชั่นหลักๆ เช่น มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ระบบเครื่องเสียง หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับก Apple CarPlay และ Android Auto และรองรับการเชื่อมต่อ Smartphone รวมถึงรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์และการทำงานของเครื่องปรับอากาศด้วยรีโมท (Remote Engine Start) เพื่อลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ก่อนจะขึ้นรถ
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาเมื่อจะเปลี่ยนช่องทาง หรือ Honda LaneWatch ที่จับภาพด้วยกล้องที่ติดอยู่ใต้กระจกมองข้างด้านซ้าย ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทห่างจากรถ (Walk Away Auto Lock)
ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานหลักๆ ของแต่ละรุ่น ประกอบด้วย
- กระจังหน้ารุ่น EL สี Piano Black
- กันชนหน้าและหลัง ตกแต่งสีเงิน (รุ่น EL)
- ไฟหน้าและไฟสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED
- ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED ในรุ่น EL
- คิ้วตกแต่งสเกิร์ตข้างสีเงิน ในรุ่น EL
- กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า พับเก็บอัตโนมัติ ในรุ่น EL
- เสาอากาศ ครีบฉลาม
- ราวหลังคาแบบสปอร์ต
- ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น EL ส่วนรุ่น E ขนาด 16 นิ้ว
- ภายในห้องโดยสาร คอนโซลตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black เบาะผสมระหว่างหนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์
- ที่วางแก้วน้ำมีให้ 8 ตำแหน่ง พนักเท้าแขนมีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศสำหรับเบาะนั่งด้านหลัง
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start)
- เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับพับแยกแบบ 60:40 พร้อมพับตลบจังหวะเดียว (One Motion) ปรับเลื่อนหน้า-หลัง ได้ และพนักพิงปรับเอนได้ 3 ระดับ
- เบาะนั่งแถวที่ 3 พับแยกแบบ 50:50 ได้ พนักพิงปรับเอนได้ 2 ระดับ
- มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT 4.2 นิ้ว
- ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) มีมาให้ในรุ่น EL
- เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับการเชื่อมต่อ Smartphone และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน
- ช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง ในรุ่น E และ 3 ตำแหน่งในรุ่น EL
- ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง
- รุ่น E ติดตั้งลำโพง 4 ดอก ส่วน EL มี 6 ตำแหน่ง
- ส่วนระบบฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ทำงานด้วยการตรวจจับรถยนต์และคนด้วยกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า มีฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ประกอบด้วย
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (CMBS)
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ( LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทาง (RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
- ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (LCDN)
นอกจาก ฮอนด้า เซ็นส์ซิ่ง แล้ว ยังมีระบบความปลอดภัยอีกหลายอย่างที่มีมาให้ เช่น
- ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ
- ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเตือนคันหลัง เมื่อใช้เบรกกะทันหัน (ESS)
- กล้องมองภาพด้านหลัง
- ถุงลม 6 ตำแหน่ง ในรุ่น EL
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวเมื่อเข้าโค้ง (VSA)
- เบรก ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
และในช่วงการเปิดตัวในงาน บิ๊ก มอเตอร์ เซล ฮอนด้ามีแคมเปญพิเศษสำหรับ บีอาร์-วี คือ
- ดอกเบี้ย 0.99%
- แถมบัตรน้ำมัน มูลค่า 5,000 บาท
- ฟรีค่าแรงเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษา 2 ปี 6 เดือน หรือ 50,000 กิโลเมตร มูลค่า 2,915 บาท
ทั้งนี้เป็นแคมเปญสำหรับผู้ที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2565 – 30 กันยายน 2565
และฮอนด้า ยังนำเสนออุปกรณ์ตกแต่ง สำหรับลูกค้าที่ขอบการแต่งรถ เช่น
คิ้วตกแต่งฝากระโปรงท้าย ราคา 1,900 บาท คิ้วกันสาด 2,600 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า 1,800 บาท คิ้วตกแต่งกระจกมองข้าง 800 บาท ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส 580 บาท ม่านบังแดดผู้โดยสารตอนหลัง 2,500 บาท เป็นต้น
และมีทางเลือกแบบแพคเกจคือ
- Utility Package ราคา 2,950 บาท ประกอบด้วย แผ่นกันรอยเบาะพนักพิงหลัง และกระบะใส่ของท้ายรถ
- Value Package ราคา 1,050 บาท ประกอบด้วย ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส และคิ้วบันไดสเตนเลส