เมอร์เซเดส-เบนซ์ โยกประธานฯ อินเดีย นั่งไทย 1 ม.ค.66
มอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ประกาศแต่งตั้ง มาร์ติน ชเวงค์ ดำรงตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด คนใหม่ มีผล วันที่ 1 มกราคม 2566
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เยอรมนี ประกาศแต่งตั้งประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด คนใหม่ “มาร์ติน ชเวงค์” ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
ขณะที่ประธานบริหารคนปัจจุบัน “โรลันด์ โฟลเกอร์” จะไปรับตำแหน่งใหม่ที่สำนักงานใหญ่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ในประเทศเยอรมนี
มาร์ติน เริ่มต้นการทำงานกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เมื่อปี 2535 ที่ “Mercedes-Benz-Nachwuchsgruppe” เมืองสตุตการ์ต ในตำแหน่งวิศวกรผู้ควบคุมคุณภาพ หลังจากการทำงานในหลายหน้าที่ทางด้านคุณภาพและการเงินในโรงงานผลิตหลายแห่งในเมืองรัสแตท เยอรมนี
จากนั้นมาร์ตินก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกควบคุมการวางแผนการผลิต ซึ่งเป็นแผนกที่ตั้งขึ้นใหม่ในซินเดลฟิงเงน และปี 2549-2558 เข้าไปดูแลงานด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเงินและการควบคุม ในแอฟริกาใต้ ออสเตรีย รวมถึงการทำงานในตำแหน่งประธานบริหารด้านการเงิน (CFO) ของ MBUSI สหรัฐ
ปี 2558 ย้ายไปปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อรับตำแหน่ง CFO ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เซลส์
1 พฤศจิกายน 2561 เข้ารับตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (อินเดีย) จำกัด โดยมีบทบาทสำคัญในการเตรียมเมอร์เซเดส-เบนซ์ อินเดีย รบการเปลี่ยนแปลงในอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์
โดยเฉพาะการผลักดันการริเริ่มการทำงานเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและดิจิทัล รวมถึงมีส่วนสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์การเติบโตของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์สันดาปภายใน การบุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าลักชัวรีด้วย EQC การยกระดับกลยุทธ์เครือข่ายการค้าปลีกด้วยรูปแบบการค้าปลีก MAR 2020 และการนำโมเดลธุรกิจ 'การค้าปลีกแห่งอนาคต' ไปใช้งานในอินเดียและประสบความสำเร็จด้วยดี
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ระบุว่า แต่งตั้งในตำแหน่งใหม่ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย บริษัทมีความมั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 3 ทศวรรษในอุตสาหกรรมยานยนต์ในหลากหลายทวีปจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและนำพาให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ก้าวสู่ความสำเร็จใหม่ในอนาคตที่น่าตื่นเต้นของเทรนด์การขับเคลื่อนใหม่ๆ ที่กำลังมา
พร้อมระบุว่า ในส่วนของโรลันด์ โฟล์เกอร์ มีบทบาทสำคัญในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท สร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้จำหน่าย และมีบทบาทสำคัญในการผลักดันนโยบายของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่จะก้าวไปสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวในอนาคต
และยังเตรียมความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมถึงการผลักดันให้เกิดโครงการ Charge to Change ผลักดันนโยบายการทำงานด้านดิจิทัลยังส่งผลให้บริษัทบรรลุผลสำเร็จทางธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ที่สามารถวัดผลได้ชัดเจนทั้งในเรื่องของยอดขายและการบริการ