เบนซ์ ขึ้นสายประกอบ Maybach - EQS ในไทย ส่ง AMG SL43 เปิดตัวมหกรรมยานยนต์
เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุกหนัก “อัลตร้า ลักชัวรี” เตรียมประกอบ รถ ultra luxury “มายบัค” ร่วมจีนปีหน้า พร้อมเปิดตัวรถเด่นร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ทั้ง EQS รุ่นประกอบในประเทศ ราคาถูกลงเหลือ 7.9 ล้านบาท พ่วงด้วย Merceded AMG SL 43 และ ซี-คลาส ปลั๊ก-อิน ไฮบริด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางการตลาดหลายอย่าง รวมถึงการขยายธุรกิจ ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ และทำให้ต้องแบ่งกลุ่มแยกย่อยเพื่อให้ง่ายต่อการทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัว ซับแบรนด์ “Mercedes-AMG” ดูแลตลาดรถกลุ่มสมรรถนะสูง เริ่มต้นด้วย ตัวแทนจำหน่ายไม่กี่ราย ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นอีกหลายรายในปัจจุบันตามการขยายตัวของยอดจำหน่าย
จากนั้นก็เปิดตัว “Mercedes-EQ” เพื่อดูแลตลาดรถกลุ่มพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี โดยมีตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับสิทธิ์ดูแล 4 ราย และล่าสุดคือ “Mercedes-Mayabach” กลุ่มรถอัลตร้า ลักชัวรี โดยมี 4 ตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับมอบหมายให้ทำตลาด
ได้แก่ เบนซ์บีเคเค กรุ๊ป, ไพรม์มัส ออโต้เฮาส์, สตาร์แฟลก
ก่อนหน้านี้ เมอร์เซเดส_เบนซ์ เปิดตัว มายบัค ยุคใหม่ รุ่นแรก คือ “Mercedes-Maybach GLS 600 4MATIC Premium” ตามด้วยการแนะนำ “Mercedes-Maybach S 580 4MATIC Premium” รุ่นประกอบนอกหรือ ซีบียู
และล่าสุดวานนี้ (14 พ.ย.) เสริมตลาดด้วย Mercedes-Maybach S 680 4MATIC Premium ค่าตัว 18.5 ล้านบาท
แม้ว่าวันนี้ ตลาดมายบัคจะยังไม่ใหญ่นัก และมีตัวแทนจำหน่ายแค่ 4 ราย แต่แนวทางการพัฒนาและตำแหน่งทางการตลาดนั้นน่าสนใจ จากในอดีตที่เคยมีราคาที่สูงมาก และแข่งกับรถอย่างเช่น โรลส์-รอยซ์ แต่ การปรับเปลี่ยนให้มีระดับราคาให้อยู่ตรงกลางระหว่าง เอส-คลาส กับ รถกลุ่มซูเปอร์ ลักชัวรี ทำให้มีโอกาสทางการตลาดมากขึ้น และเป็นบันไดให้ลูกค้ากลุ่มเอส-คลาส ที่ต้องการยกระดับตัวเองขึ้นไปได้มีตัวเลือก
และที่มากไปกว่านั้นก็คือ การเตรียมแผนประกอบ มายบัค ในไทย (CKD) เป็นหนึ่งในสองประเทศแรกในโลก ร่วมกับจีน ที่จะเริ่มทำตลาดมายบัค รุ่น ปลั๊ก_อิน ไฮบริด เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด และให้ผู้บริโภคชาวไทยเข้าถึงมายบัคได้ง่ายขึ้น ด้วยการลดภาระภาษีนำเข้าลงไป โดยพร้อมจะส่งมอบรถให้ลูกค้าภายในไตรมาสแรกปี 2566
โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
ตลาดรถยนต์ระดับอัลตร้าลักชัวรีในประเทศไทยนั้นเติบโตไปในทิศทางที่ดี และด้วยความพรั่งพร้อมในทุก ๆ ส่วน ทั้งในด้านการผลิต การจัดเตรียมอะไหล่ การบริการหลังการขายจากทีมงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างเข้มข้นภายใต้มาตรฐานระดับสากล จึงเป็นที่มาให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีแผนในการประกอบมายบัคในประเทศไทย
นอกจากมายบัคแล้ว ช่วงปลายปีนี้บริษัทยังมีความเคลื่อนไหวสำคัญช่วงปลายปี โดยในงานมหกรรมยานยนต์ที่จะมีระหว่างวันที่ 1-12 ธ.ค.นี้ บริษัทจะร่วมงานด้วยแนวคิดใหม่ ทั้งการเลือกใช้ “ดิจิทัลไกด์” หรือผู้ให้คำแนะนำเรื่องรถยนต์ที่รู้จริงแบบไม่จำกัดเพศ การสร้างบูธแบบอินเทอร์แอคทีฟภายใต้แนวคิด “Vision of the Beyond”
และแน่นอนในส่วนของรถยนต์ที่ร่วมงาน จะมีไฮไลท์สำคัญคือ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า EQS 500 4MATIC AMG Premium ค่าตัว 7.9 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ารุ่นนำเข้า ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ในราคาเริ่มต้น 8.57 ล้านบาท ในรุ่น EQS 450+ AMG Premium
โดย EQS 500 4MATIC AMG Premium รุ่นประกอบในประเทศใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว แบตเตอรี่ขนาด 108.4 kWh ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 828 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุดได้ 210 กม./ชม. ขับขี่ได้ไกลสุดต่อการชาร์จ 1 ครั้ง 702 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
ตามมาด้วยรถในกลุ่มสมรรถนะสูง “Mercedes-AMG SL 43” ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 381 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร
เป็นรถสปอร์ตแบบ 2+2 ที่นั่ง หลังคาแบบซอฟท์ท็อป เปิด_ปิดได้ ภายในเวลา 15 วินาที ขณะขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. มาพร้อมระบบ MBUX เจเนอเรชันล่าสุด ราคาเริ่มต้น 11.7 ล้านบาท
อีกรุ่นที่เป็นไฮไลท์ คือ “Mercedes-Benz C 350 e AMG Dynamic” รถยนต์ปลั๊ก_อิน ไฮบริด รุ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1,999 ซีซี ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า และติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 25.4 kWh ที่สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ระยะทางสูงสุด 100 กม. และทำความเร็วสูงสุดด้วยไฟฟ้า 140 กม./ชม.
ด้านสมรรถนะ ให้กำลังรวมกัน 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร
สำหรับการชาร์จไฟ ทำได้ทั้งกระแสตรง และกระแสสลับ โดยการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC charger) จะใช้เวลา 30 นาทีในการชาร์จได้เต็ม 100% และการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ (AC charger) ประมาณ 2 ชั่วโมง
ซี-คลาส เป็นรถที่ออกแบบมาให้มีรูปลักษณ์ผสมผสานกันระหว่างความหรูหรา กับความสปอร์ต ตัวถังรถมีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อเทียบกับเจเนอเรชั่นก่อน เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น
ภายในห้องโดยสาร และการตกแต่งถอดแบบมาจากพี่ใหญ่อย่าง S-Class ทั้งหน้าจอ LCD ความละเอียดสูง การปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางดีไซน์ใหม่พร้อม จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 11.9 นิ้วที่เบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มันถูกเรียกว่า เป็น เบบี้ เอส-คลาส
ราคา C 350 e AMG Dynamic อยู่ที่ 3.35 ล้านบาท