'มาริโอ้ เมาเร่อ' มั่นใจบริสุทธิ์ พบ ตร. แจงปมรถสวมทะเบียน Benz
พระเอกดังช่อง 3 "มาริโอ้ เมาเร่อ" มั่นใจบริสุทธิ์ พบ ตร. แจงปมรถสวมทะเบียน Benz G300
"มาริโอ้ เมาเร่อ" พระเอกละครดังช่อง 3 หลบสื่อเข้าให้ปากคำตำรวจไซเบอร์ แจงปมซื้อรถ Benz G300 เชื่อมโยงกับการครอบครองรถสวมทะเบียน เจ้าตัวยันไม่กังวล มั่นใจในความบริสุทธิ์ ด้าน รอง ผบช.สอท. เชื่อเจ้าตัวไม่รู้เรื่อง เพราะไว้ใจรุ่นพี่ไม่คาดคิดจะเกิดปัญหา ส่วนการขยายผลขบวนการ ได้เรียกเจ้าของรถ 65 คันมาสอบเกือบครบแล้ว
“มาริโอ้ เมาเร่อ” หรือ นายณัฐวุฒิ สุวรรณรัตน์ อายุ 34 ปี พระเอกหนุ่มชื่อดัง เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. หลังจากถูกออกหมายเรียก เพื่อมาให้ปากคำกรณีที่ไปมีส่วนเชื่อมโยงกับการครอบครองรถยนต์ที่สวมทะเบียน
โดยมาริโอ้ มีกำหนดเข้าพบพนักงานสอบสวนในเวลา 10.00 น. วันนี้ ซึ่งเจ้าตัวได้แอบสื่อมวลชนไปพบพนักงานสอบสวน ในเวลา 10.30 น. โดยขึ้นลิฟท์จากชั้นใต้ดินของอาคาร บช.สอท.
ภายหลังให้ปากคำแล้วเสร็จ มาริโอ้ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด เพียงแค่ตอบคำถามสั้น ๆ กับสื่อมวลชนระหว่างเดินกลับว่า ไม่ได้กังวลอะไร มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง ได้ให้ข้อมูล และหลักฐานกับทางพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว โดยอ้างว่าอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้
ด้าน พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการเรียกสอบพยานทั้งหมด 3 ปาก ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายรถกับมาริโอ้ คือ มาริโอ้ , นายก้อง ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ขายรถให้กับมาริโอ้ และพี่ชายของนายก้อง ส่วนความสัมพันธ์นั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ มาริโอ้เคยซื้อเฟอร์นิเจอร์จาก นายก้อง จนมีความสนิทสนม และไว้ใจกัน แต่ไม่เคยซื้อขายรถกันมาก่อน
โดยนายก้อง ได้เสนอขายรถ Benz G300 ให้กลับมาริโอ้ในราคา 1,500,000 บาท เมื่อเดือนธันวาคม 2565 โดยยังไม่ได้เห็นรถตัวจริง และ มีการทำสัญญาวางมัดจำไว้ 500,000 บาทก่อน โดยมีกำหนดภายใน 60 วันจะต้องส่งมอบรถ แต่เมื่อถึงกำหนด ก็ยังไม่ได้รถทางนายก้องจึงคืนเงินมัดจำให้กับ มาริโอ้
จากการสอบสวนเบื้องต้นเชื่อว่า มาริโอ้ น่าจะไม่ได้จงใจซื้อรถสวมทะเบียน แต่พนักงานสอบสวน ก็จะต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่า มาริโอ้ไม่ได้มีเจตนาจงใจที่จะซื้อรถเถื่อน แต่หากภายหลังพบว่า มีเจตนาก็ถือว่า มีความผิด ซึ่งจากการที่พบว่าเล่มทะเบียนรถคันดังกล่าวมีชื่อของมาริโอ้เป็นผู้ครอบครองคนสุดท้าย ทาง กรมการขนส่งทางบก จึงยังไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงโอนทะเบียน เพราะต้องตรวจสอบย้อนหลังที่มาว่า มีใครเคยเป็นผู้ครอบครองบ้าง
ส่วนพยานที่เป็นเจ้าของรถทั้ง 65 คัน ที่ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการสวมทะเบียนโดยแก๊ง 2 ผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้นั้น พนักงานสอบสวนเรียกมาให้ปากคำไปเกือบหมดแล้ว เหลืออีก 2 คน ที่ยังมาพบไม่ได้ เนื่องจากยังอยู่ต่างประเทศ
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น เริ่มจาก มาริโอ้ ไปซื้อรถจากคนที่เชื่อใจซึ่งเป็นรุ่นพี่ แต่ไม่ได้ของ จึงมีการคืนเงินมา แต่ทะเบียนเป็นชื่อมาริโอ้ไปแล้ว ตำรวจจึงติดต่อมาว่า รถคันดังกล่าวมีปัญหา อยากให้เข้าไปให้ปากคำในฐานะพยาน ว่ารถคันนี้ได้มาอย่างไร เพื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี
พล.ต.ต.อำนาจ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า สำหรับการซื้อรถคันดังกล่าว มาริโอ้ เคยบอกว่า ทั้งดาราหนุ่ม และรุ่นพี่ก็โดนหลอกเช่นกัน เบื้องต้นทราบเพียงว่า เป็นการปลอมแปลงข้อมูลรถมาจากต้นขั้ว ซึ่งพระเอกหนุ่มไม่ทราบรายละเอียดมากนัก เมื่อไม่ได้รถ รุ่นพี่ก็คืนเงินให้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก่อนซื้อรถทุกครั้งก็จะตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้มีปัญหา
โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน ซื้อรถราคาล้านกว่าบาท เห็นว่า มีเอกสารถูกต้องก็ไม่คิดว่า รถจะมีปัญหาอะไร ทำให้หลังจากนี้จะต้องระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม