'Honda 0 Series' ชาร์จ 80% 10-15 นาที ใช้ 10 ปี แบตฯ เสื่อมแค่ 10%
ฮอนด้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น เผยโฉม “Honda 0 Series (ฮอนด้าซีโร่ซีรีส์) ซีรีส์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) รุ่นใหม่ในตลาดโลก เตรียมเปิดตัวตลาดแรก อเมริกาเหนือ ปี 2569
ฮอนด้า เข้าร่วมแสดงนวัตกรรมในงานใหญ่ "CES 2024" ซึ่งจัดขึ้นที่นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา โดยหนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นของฮอนด้า คือ การเผยโฉมเป็นครั้งแรกในโลก กับ Global EV Concept Model หรือต้นแบบรถพลังงานไฟฟ้าในอนาคต 2 รุ่นใหม่
ทั้ง 2 รุ่น ฮอนด้า เรียกว่า “Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์)” โดยมีแผนที่จะผลิตเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการสำหรับตลาดทั่วโลกในปี 2569
เริ่มจากตลาดอเมริกาเหนือ ตามด้วยญี่ปุ่นบ้านเกิด เอเชีย ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ ตามลำดับ
ทั้ง 2 รุ่นมีรูปแบบที่ต่างกัน คือ “Saloon” และ “Space-Hub”
สำหรับแนวคิดของ “0” (Zero) จะเน้นแนวทางหลักคือ “บาง เบา และชาญฉลาด” (Thin, Light, and Wise)
ฮอนด้าระบุว่า ทีมพัฒนาได้ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของฮอนด้า คิดทบทวนพิจารณาอีกครั้งว่า อีวี แบบไหนที่ฮอนด้าต้องการพัฒนาสำหรับยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง และก้าวข้ามข้อจำกัดของการเป็นรถที่ “หนาและหนัก” เนื่องจากต้องรองรับแบตเตอรี่ที่มาพร้อมความจุที่สามารถมอบระยะทางในการขับขี่ให้ได้มากพอ เช่นเดียวกับการที่ตัวถังและแพลตฟอร์มต้องสามารถรองรับกับความจุของแบตเตอรี่ได้
ทั้งนี้ ในส่วนชาญฉลาด (Wise) ฮอนด้าระบุว่า คำนึงถึงยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนโดยซอฟต์แวร์ดั้งเดิมของฮอนด้ากับการพัมนาสิ่งใหม่เข้าไป ไม่ว่าจะระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (AD/ADAS) ด้วยเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่หลากหลายความสนุกสนานในการขับขี่ ที่ทำให้ผู้ขับขี่เป็นหนึ่งเดียวกับยานพาหนะ
เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ฮอนด้าได้นำเสนอระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 (Level3) สู่การใช้งานจริง กับรถยนต์รุ่น Legend ใหม่ ที่มาพร้อมกับ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท (Honda SENSING Elite) ที่นำเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีคุณสมบัติรองรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3
ฮอนด้าจะนำเอาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS: Advanced Driver-Assistive System) ที่ใช้เทคโนโลยีของฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท มาติดตั้งอยู่ใน Honda 0 Series
นอกจากนี้ Honda 0 Series จะมาพร้อมระบบการขับขี่อัตโนมัติ AD (Automated Driving) ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น
ระบบการขับขี่อัตโนมัติได้รับการพัฒนาตามแนวคิด "มนุษย์เป็นศูนย์กลาง" ของฮอนด้า โดยระบบนี้จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูง เซนส์ซิ่ง เทคโนโลยีการตรวจจับการจดจำ/การตัดสินใจ และเทคโนโลยีการตรวจจับผู้ขับขี่เพื่อพัฒนาความสามารถให้ใกล้เคียงกับมนุษย์และเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ซึ่งรวมถึงความสามารถในการคาดการณ์ความเสี่ยงทั่วไปและความเสี่ยงสูง เพื่อนำเสนอฟังก์ชันการขับขี่อัตโนมัติที่ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
โดยเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง จะเพิ่มจำนวนของสถานการณ์การขับขี่อัตโนมัติให้สามารถใช้ได้บนทางด่วน ขณะที่ฟังก์ชันแบบแฮนด์ออฟ (Hands-off) บางฟังก์ชัน จะใช้งานบนถนนปกติได้ด้วย จากที่ปัจจุบันที่ใช้งานได้เฉพาะบนทางด่วนเท่านั้น
ขณะที่ความโดดเด่นในการเชื่อมต่อผ่านการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ IoT ซึ่งความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Big Data จะทำให้รถจดจำความสนใจของผู้ขับขี่ได้ ไม่ว่าจเป็น เพลงที่ชื่นชอบ หรือพฤติกรรมและแนวโน้มของผู้ขับขี่ขณะขับรถ ทำให้ระบบสามารถให้คำแนะนำได้หลากหลาย
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่โดยรอบและแนะนำเส้นทางจนถึงปลายทางแม้จะลงจากรถไปแล้ว
ในด้านสมรรถนะ Honda 0 Series จะมาพร้อมกับ e-Axles ที่ฮอนด้าระบุว่าสามารถแปลงพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและรูปลักษณ์ที่ดี ชุดแบตเตอรี่ที่มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา และมีความหนาแน่นสูง รวมถึงสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์ที่ดี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้มีระยะทางการใช้งานที่เพียงพอ และใลดพื้นที่ในการติดตั้งแบตเตอรี่บนรถยนต์ให้เหลือน้อยที่สุด
และเพื่อลดความกังวลเรื่อง “ระยะเวลาในการชาร์จ” และ “การเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่” ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ อีวี กำลังเผชิญอยู่ ฮอนด้า ระบุว่า Honda 0 Series จะมาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ผู้ใช้งานกังวลเรื่องการชาร์จและลดการเสื่อมสภาพตลอดการใช้งานหลายปี
โดยฟังก์ชันการชาร์จไฟทำงานได้เร็วขึ้น โดยการชาร์จตั้งแต่ 15% ถึง 80% จะใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
ขณะเดียวกันจะนำเทคโนโลยีควบคุมระบบแบตเตอรี่ ที่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงจากข้อมูลการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าของฮอนด้ากว่า 1 ล้านคันมาใช้จำกัดการเสื่อมสภาพความจุของแบตเตอรี่ให้น้อยกว่า 10% หลังจากใช้งานไปแล้ว 10 ปี