เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลุยโปรเจกต์ “Urban Mining” เหมืองในเมือง
เมอร์เซเดส-เบนซ์ จับมือพันธมิตร ผลักดัน กลยุทธ์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มุ่งเป้าขยายสัดส่วนการใช้วัสดุทดแทนเพิ่มขึ้น 40%
เมอร์เซเดส-เบนซ์ (Mercedes-Benz) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเยอรมนี ประกาศลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับ TSR Recycling GmbH & Co. KG โดยมีเป้าหมายในการผลักดันกลยุทธ์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ภายใต้โครงการ “Urban Mining” หรือการทำเหมืองในเมือง
Urban Mining เป็นการนำชิ้นส่วนรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ครบอายุการใช้งานกลับมาสร้างคุณค่าใหม่ ทั้งการรีไซเคิลและการนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต และเดินหน้าสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวัสดุทดแทน (Secondary Raw Materials)
ความร่วมมือครั้งนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ระบุว่าจะเป็นส่วนสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจหมุนเวียนในยุโรป โดยเน้นไปที่วัสดุกลุ่มเหล็ก อลูมิเนียม โพลิเมอร์ ทองแดง และแก้ว
นอกจากนี้ การบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ยังเพิ่มเติมไปที่การวิเคราะห์ความต้องการ แหล่งที่มาของวัสดุ การประเมินผลเชิงพาณิชย์
Markus Schäfer คณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี กล่าวว่า วิสัยทัศน์ "Design for Circularity" เป็นการคำนึงถึงความสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียนตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการผลิต
โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีเป้าหมายลดการใช้วัสดุจากแหล่งธรรมชาติ (Primary Resources) ด้วยการเก็บรักษาวัสดุตั้งต้นต่างๆ ไว้ในขั้นตอนการผลิตให้มากที่สุด
โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดว่าจะสามารถลดการใช้วัสดุจากแหล่งธรรมชาติเหล่านี้ ในการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ลงให้ได้ 40% ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับกระบวนการผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิม
“การร่วมมือพันธมิตรเรามีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสัดส่วนของวัสดุทดแทน หรือ Secondary Raw Materials ที่มาจากการรีไซเคิลชิ้นส่วนรถยนต์"
เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้น”
Schäfer ระบุว่าการทำ “Urban Mining” เป็นวิธีที่คุ้มค่าต่อการลงทุนและสามารถอนุรักษ์ทรัพยากรที่มีค่า ผ่านระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน
โดยความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนากิจกรรมต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงชิ้นส่วนวัสดุทดแทนที่จะถูกส่งออกไปยังทุกภาคส่วน รวมถึงประเทศอื่นๆ โดยมีเป้าหมายหลีกเลี่ยงสิ่งที่เรียกว่า “Downcycling” ซึ่งเป็นกระบวนการที่วัสดุจะถูกลดมูลค่าลง แต่ยังช่วยยืดอายุให้วัสดุเหล่านี้นำไปสร้างเป็นสิ่งใหม่ได้
ตัวอย่างความร่วมมือระหว่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ บริษัท TSR และซัพพลายเออร์รายใหญ่ คือ การรีไซเคิลอลูมิเนียมให้กลายเป็นวัสดุชนิดใหม่ ซึ่งจะกลายเป็นนวัตกรรมแรกของโลกที่ประกอบด้วยอลูมิเนียมที่รีไซเคิลหลังการใช้งาน (Post-Consumer Recycled Aluminium) ถึง 86% และช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศได้ 73%
โดยผลทดสอบการหลอมขึ้นรูปชิ้นส่วนต้นแบบในครั้งแรกประสบความสำเร็จและกำลังอยู่ระหว่างการประเมินผลต่อไป โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาดหวังที่จะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตให้ได้โดยเร็วที่สุด