ฟอร์ด มองตลาดรถปีนี้แผ่ว เหลือ 6.4 แสน ชูจุดแข็งสินคัา-ดนตรี-บริการ สู้ศึก
ตลาดรถยนต์ ผ่านครึ่งปีมาด้วยตัวเลขที่ไม่ดีนัก 3.08 แสนคัน หดตัวกว่า 24% เป็นการหดตัวในทุกตลาด และเกือบทุกแบรนด์ และตลาดที่หดตัวต่อเนื่อง ทำให้หลายคนออกมาประเมินและปรับลดเป้าหมายกัน จากที่ตั้งกันไว้ช่วงต้นปี 8.2-8.3 แสนคัน รวมถึง ฟอร์ด
ก่อนหน้านี้ผู้บริหารซูซูกิ มองว่าตลาดไม่น่าจะเกิน 6.5 แสนคัน แต่ล่าสุดมุมมองของ "รัฐการ จูตะเสน" กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เห็นว่าน่าจะอยุ่ระดับ 6.4 แสนคัน ที่สำคัญเป็นการประเมินแบบค่อนข้างมองบวก เพราะหากจะไปถึงตัวเลขนั้นได้ นั่นหมายความว่า เวลาที่เหลือจะต้องมียอดขายเฉลี่ยประมาณ 5.5 หมื่นคัน/เดือน ขณะที่เดือนล่าสุด มิ.ย. มียอดขายเพียง 4.76 หมื่นคันเท่านั้น
ทั้งนี้ปี 2566 ที่ผ่านมาตลาดรถยนต์ไทยมียอด 7.75 แสนคัน
แต่คาดหวังว่าจะมีปัจจัยบวกเข้ามานั่นคือการใช้จ่ายภาครัฐที่ล่าช้ามาก่อนหน้านี้ หากเริ่มต้นใช้จ่ายได้ก็จะทำให้สถานการณ์ชวงปลายปีดีขึ้น และจะส่งผลต่อเนื่องไปยังปี 2568 ที่ตลาดจะเริ่มดีขึ้น แม้ไม่มากนักก็ตาม โดยอาจจะขยายตัว 10-13% จากช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ตลาดรถยนต์ที่หดตัวรุนแรงมาจากกลุ่มปิกอัพ โดยเฉพาะกลุ่ม บี-โลว์ หรือกลุ่มราคาต่ำกว่า 6 แสนบาท และ พีพีวี ที่ติดลบประมาณ 40% ใกล้เคียงกัน
การที่ตลาดติดลบต่อเนื่องมาจากปัจจัยลบหลายอย่าง ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเติบโตของจีดีพีต่ำ ความต้องการผู้บริโภคลดลงจากการชะลอการใช้จ่าย และความเข้มงวดของสถาบันกาารเงินในการปล่อยสินเชื่อจากภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 90% ต่อจีดีพี ภาวะหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น และมาตรการเข้มงวดจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดเงื่อนไขการเงิน กำหนดคุณสมบัติผู้ซื้อ เช่น มีรายได้ประจำ การไม่ให้กู้ร่วม หรือ การใช้เกณฑ์เดียวกันระหว่างลูกค้าเก่ากับลูกค้าใหม่ ทำให้บางครั้งลูกค้าเก่าก็ไม่ผ่านการอนุมัติเช่นกัน
รวมถึง มาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ที่กำหนดว่าเมื่อหักภาระการผ่อนชำระหนี้แล้ว ผู้ขอสินเชื่อจะต้องมีเงินในการดำรงชีวิตอย่งเพียงพอ
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา ธปท. ได้เปิดโต๊ะหารือกับบริษัทรถยนต์หลายค่าย เป็นการหารือเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ และพบว่าเริ่มมีทีท่าผ่อนปรนมากขึ้น เพราะผู้บริโภคบางกลุ่มไม่มีเงินเดือนประจำ แต่มีรายได้เป็นเงินก้อน ดังนั้นหากจากนี้ไปมาตรการบางอย่างผ่อนคลายลงได้ ก็จะมีผลดีต่อตลาด แต่ทั้งนี้การตัดสินใจจะอยู่ที่รัฐบาล โดย ธปท. จะเป็นผู้นำเสนอข้อมูล แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี
ส่วนการเข้ามาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี เห็นว่าไม่ใช่ตัวสร้างผลกระทบหลัก เพราะการเติบโตก็ชะลอตัวเช่นก้น โดยปี 2566 อีวี มีส่วนแบ่งตลาด 8.9% ขณะที่ครึ่งปีแรก 2567 มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 10-11%
ขณะที่รถในกลุ่มไฮบริดมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจกว่าจากสัดส่วน 12% ในปี 2566 เป็น 22% ในช่วงครึ่งปีแรก 2567
และการที่รัฐประกาศมาตรการสนับสนุน ไฮบริด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เพิ่มทางเลือกการลงทุน และทางเลือกของลูกค้า ซึ่งจากนี้ไปเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการต่างๆ ที่จะไปดูว่าจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้อย่างไรบ้าง เช่นเดียวกับฟอร์ด ที่จะต้องดูรายละเอียดอีกระยะหนึ่ง ตามแผนธุรกิจ 3 ปี
รัฐการกล่าวว่าสำหรับผลประกอบการของฟอร์ด ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา มียอดขายรวม 1.13 หมื่นคัน โดยผลิตภัณฑ์หลักอย่างปิกอัพ เรนเจอร์ มียอดขาย 6,990 คัน แม้จะหดตัวมากกว่าค่าเฉลี่ยตลาดแต่ยังสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดอันดับ 3 ที่ 7.8% แต่ลดลงเล็กน้อยจากปี 2566 ที่ทำได้ 8.7%
อย่างไรก็ตาม ฟอร์ดมีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตลาด ดับเบิลแค็บ 4x4 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 37% ด้านรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 27% ในเดือนเม.ย. หลังจากการเปิดตัวฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม เมื่อต้นปี
ส่วนแนวทางการทำตลาดครึ่งปีหลัง จะชูกลยุทธ์ย้ำจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ ควบคู่ไปกับการดูแลลูกค้า และการจัดกิจกรรมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่น “King of Tough” เปิดโอกาสให้ลูกค้าและผู้ที่สนใจรถ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ร่วมทดสอบ 3 สนาม เละเปิดโอกาสให้แข่งขันเพื่อคัดเลือกผู้ชนะจากแต่ละสนามรวม 6 คน เป็นตัวแทนร่วมทริปเส้นทางลาวและเวียดนามในช่วงปลายเดือน ก.ย.
นอกจากนี้จะใช้กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง จับมือนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง “มนต์แคน แก่นคูน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เปิดตัวเพลงใหม่ “สิพาความคิดฮอด...มากอดเด้อ” โดยมั่นใจว่า จะได้รับกระแสตอบรับเช่นเดียวกับเพลง “พร้อมสู้ไหวกับอ้ายบ่” เมื่อปีที่ผ่านมา
ด้านงานบริการ ยอดการใช้งานนวัตกรรมบริการลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกบริการในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งบริการนัดหมายออนไลน์ หน่วยบริการเคลื่อนที่ บริการรับ-ส่งรถนอกสถานที่ และบริการตรวจเช็กตามระยะภายในเวลา 60 นาที
นอกจากนี้ก็จะเพิ่มการบริการซ่อมสีและตัวถัง โดยเตรียมเปิดเพิ่มอีก 6 แห่ง จากปัจจุบันมี 40 แห่ง
รวมถึงการพัฒนาช่องทางการสื่อสารผ่านแอปพลิเคชันไลน์ เพื่อให้การสื่อสารระหว่างแบรนด์กับลูกค้ารวดเร็ว เช่น การอัปเดตสถานะงานซ่อม โดยเริ่มเปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567
ด้านการตลาด ฟอร์ด จัดกิจกรรมฉลอง 28 ปี การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย กับแคมเปญ "Ford 28th Anniversary" ให้ลูกค้าลุ้นหลายรายการ เช่น ลุ้นรับเงินคืนเมื่อจองและออกรถฟอร์ดระหว่างวันที่ 1 ส.ค.- 30 ก.ย. เช่น รางวัลเงินคืน 2.8 แสนบาท 5 รางวัล 2.8 หมื่นบาท 30 รางวัล
ทั้งนี้ผู้จองรถ 1 คัน จะได้รับ 1 สิทธิ์ ส่วนผู้ท่ี่จองรถระหว่างวันที่ 17-18 ส.ค. จะได้เพิ่มเป็น 1 คัน 28 สิทธิ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ก็ยังมีแคมเปญสวนลด เช่น อุปกรณ์ หรือ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เป็นต้น