อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ปรับโฉม การขับขี่ที่เปลี่ยนไป 

ปัจจุบัน รถพีพีวี  เป็นอีกตลาดที่ได้รับความนิยม ด้วยคุณสมบัติหลายอย่าง แต่ว่าช่วงนี้ตลาดหดตัวไปไม่น้อย ตามภาวะเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับตลาดรถยนต์ที่ยังอยู่ในช่วงการถดถอยอย่างต่อเนื่อง ก็คงต้องรอการฟื้นตัวในภาพรวม โดยเฉพาะเศรษฐกิจ และความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ซึ่งนั่นก็หมายถึงว่าภาพรวมหนี้ครัวเรือน หนี้เสีย ต้องดีขึ้น

และสำหรับ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ (Isuzu MU-X) การเติมความสดใหม่ด้วยการไมเนอร์เชนจ์ และเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ RS เป็นครั้งแรก ครั้งนี้ มาพร้อมกับสโลแกนที่ใช้ในการสื่อสารคือ "THE NEXT PEAK"

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง เช่น การดีไซน์ใหม่ในส่วนของกระจังหน้าแบบแบลค ไดมอนด์ กริลล์ กันชนหน้า แบบไฟเตอร์ เจ็ท ที่ได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินรบ ไฟหน้า ฝากระโปรงและยกสูงขึ้นกว่าเดิมด้วย ล้อ ฝาท้าย ไฟท้าย LED และไฟเบรกที่ยาวขึ้น กันชนท้าย สปอยเลอร์หลัง และราวหลังคา สีดำ Gloss Black

และเพิ่มสีตัวถังใหม่คือ สีเทา Eiger Grey Opaque แต่ก็ยกเลิกทำตลาดสีน้ำเงิน Glacier Blue Mica

ภายในปรับเปลี่ยนพวงมาลัยเป็นพวงมาลัยไฟฟ้า คอนโซลหน้าเพิ่มวัสดุบุนุ่มและหนังเข้าไป เปลี่ยนวัสดุตกแต่งภายในสีน้ำตาล  เปลี่ยนช่อง USB เป็นไทป์ ซี แต่ว่าช่องจ่ายไฟ AC 220 โวลต์ ตัดออกไป จอมอนิเตอร์กลาง ออกแบบใหม่ขนาด 9 นิ้ว มาตรวัดรูปแบบใหม่ มาตรวัดพร้อมจอ MID แบบสี TFT 7 นิ้ว

และด้วยการที่เปลี่ยนพวงมาลัยเป็นไฟฟ้า ทำให้สามารถอัพเกรดระบบ ADAS ให้มีการทำงานเพิ่มเติม ผ่านการทำงานร่วมกับกล้องหน้า 2 ตัว เรดาร์ 2 ตำแหน่ง และเซ็นเซอร์ 8 จุด

ระบบที่เพิ่มขึ้นมาเช่น

• ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKAS)  
• ระบบควบคุมทิศทางตามคันหน้า (TJA)
• ระบบควบคุมรถอยู่ในเลน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน (ELK)  
• ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน (LDP)  
• ระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง (RCTB) 

ส่วนฟังก์ชั่นอื่นที่ไม่เกี่ยวกับ ADAS ที่เพิ่มเข้ามาคือ แอมเบียนท์ไลท์ที่คอนโซลหน้า แอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ และ แอนดรอยด์ ออโต้ แบบไร้สาย

การเปลี่ยนแปลงในด้านเทคนิค นอกจากพวงมาลัยไฟฟ้าแล้ว อีกสิ่งหนึ่งคือเครื่องยนต์ที่ปรับให้ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ซึ่งจริงๆ แล้วก็เปลี่ยนมาก่อนหน้าจะเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์สักพัก โดยเพิ่มระบบทำความสะอาดคราบเขม่า หรือ Diesel Particulate Filter Regeneration (PDF) เข้าไป 

เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้ไปลองขับเส้นทางเชียงราย-เชียงใหม่ ซึ่งช่วงนั้นก็เริ่มมีฝนหลายช่วง แต่ก็ยังไม่รุนแรงเท่ากับตอนนี้ ซึ่งก็ต้องขอแสดงความเสียใจและส่งกำลังใจให้ผู้ที่ประสบภัยทุกคนครับ 

พูดถึงระบบต่างๆ ของ ADAS เท่าที่ลองใช้งานดูในบางช่วงก็ทำงานแม่นยำใช้ได้ครับ ทั้งเรื่องการรักษาความเร็ว ระยะห่าง ความนุ่มนวลในการเพิ่มหรือลดความเร็ว รวมถึงอารมณ์ของการควบคุมพวงมาลัยของรถให้อยู่ในเลนก็สมูท ไม่กระตุกไม่กระชาก

แต่ส่วนใหญ่ผมควบคุมรถเองครับ ระบบพวกนี้ลองใช้แค่บางช่วงให้รู้การทำงานว่าเป็นอย่างไร 

จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างพวงมาลัยไฟฟ้าช่วยให้การขับขี่ดีขึ้นมากแบบรับรู้ได้ครับ เช่น ระยะฟรีที่ลดลงทำให้การควบคุมรถกระชับและแม่นยำมากขึ้น ความนิ่งที่ความเร็วสูงๆ ดีขึ้น มีผลดีต่อการเดินทางไกลๆ จะไม่เหนื่อย และช่วยให้รถแม่นกับโค้งมากขึ้น ขับได้สนุกครับ 

ช่วงล่างมีความนุ่ม ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี จังหวะการเข้าออกโค้ง มีการโยนตัวอยู่บ้าง แต่ว่ายังจัดการได้ดีครับ ขับได้สนุก และแม่นกับโค้งใช้ได้ ช่วยให้การขับขี่เส้นทางเขาสนุก ซึ่งผมว่าอารมณ์นี้มันเปลี่ยนไปมากเหมือนกัน แม้ว่าจากข้อมูลของรถไม่ได้บอกว่าปรับเปลี่ยนอะไรในส่วนช่วงล่าง แต่ผมว่าน่าจะมีการปรับเซ็ทอะไรอยู่บ้าง 

และอีกอย่างเมื่อพวงมาลัยแม่นขึ้นก็คงมีผลกับส่วนนี้เช่นกัน ขณะที่การตอบสนองของเครื่องยนต์ 4JJ3-TCX 3.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ที่ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที อัตราเร่งดี และทำงานได้ค่อนข้างลื่นไหล มีจังหวะหน่วงบ้างเล็กน้อย และเค้นในบางช่วง เมื่อเพิ่มความเร็วกะทันหัน ส่วนหนึ่งก็คงเป็นพราะลดภาระในการทำงานของปั๊มไฮดรอลิคจากการเปลี่ยนมาใช้พวงมาลัยไฟฟ้า

ในภาพรวมถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด ทั้งเรื่องของการตกแต่ง ฟังก์ชั่น อารมณ์รถโดยรวมจะผสมผสานกันระหว่างความนุ่มนวล กับสปอร์ต อาจจะไม่ได้เน้นหนักไปทางใดทางหนึ่งเหมือนกับบางรุ่นในตลาด 

แต่เชื่อว่าใครที่เป็นแฟน อีซูซุอยู่แล้ว น่าจะถูกอกถูกใจ แต่ใครที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่ชอบอารมณ์ในการขับขี่ของมันมากนัก ก็น่าจะไปลองดูเพื่อเป็นการเปรียบเทียบข้อมูลก่อนการตัดสินใจซื้อครับ