น้ำฉีดกระจก
สถานการณ์น้ำป่าไหลบ่าเข้าเมืองในปีนี้ ดูท่าว่าจะสร้างความเสียหายให้ผู้คนและประเทศชาติมากมาย เพราะนอกเหนือไปจากน้ำที่ไหลลงมาจากที่สูง บ่าเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนเหมือนทุกปีแล้ว
ยังมีดินหรือโคลนมหาศาลไหลมาพร้อมกับน้ำแล้วไปกองทับถมตามบ้านเรือน ยากแก่การที่จะชำระล้างได้ ถึงขนาดหน่วยงานปกครองท้องถิ่นบางแห่ง ต้องออกมาประกาศขอความร่วมมือจากประชาชนว่า อย่าเพิ่งรีบล้างบ้านเรือนในขณะที่ยังเป็นดินเลนผสมน้ำอยู่ได้ไหม เพราะจะทำให้ไหลไปอุดตันตามท่อระบายน้ำทิ้งของชุมชน และมีปัญหาซ้ำซ้อนทับถมต่อชุมชนเข้าไปอีก ในประกาศแจ้งว่าขอให้รอทำความสะอาดบ้านเรือนตอนที่น้ำแห้ง และโคลนกลายเป็นก้อนดินที่แข็งตัวแล้ว จะทำให้สามารถกำจัดโคลนที่แข็งตัวแล้วได้ง่ายขึ้น
แต่เชื่อว่าแม้จะขอความร่วมมือไปอย่างไรก็ตาม คงยากที่ประชาชนจะทำตามคำร้องขอได้ เพราะหากปล่อยให้โคลนแห้งจนกลายเป็นก้อนดิน ประชาชนก็ไม่มีเครื่องมือหรือกำลังเพียงพอที่จะทำความสะอาดบ้านเรือนได้ สู้เอาน้ำฉีดล้างตอนที่ยังเป็นโคลนเหลวอย่างนี้ จะทำให้โคลนไหลออกจากบ้านได้ง่ายกว่า ส่วนเรื่องการที่โคลนจะไหลไปอุดตันท่อน้ำทิ้งต่างๆ ก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่จะต้องรับหน้าที่ต่อไป
นอกเหนือไปจากความเสียหายของบ้านเรือนที่อยู่อาศัยและบรรดาพืชไร่แล้ว รถยนต์ก็มีความเสียหายเกิดขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะในอดีตหากมีวิกฤตการณ์น้ำท่วม การกู้ซากหรือซ่อมรถยนต์ยังสามารถทำได้บ้าง แต่การที่มีโคลนไหลมาทับถมจนรถจมมิดโคลนเป็นเวลานานเช่นนี้ โอกาสที่จะซ่อมกลับคืนคงยากเต็มทน ยิ่งกรณีที่รถถูกกระแสน้ำปนโคลน พัดจนไหลลอยไปปะทะกับต้นไม้หรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ กรณีเช่นนั้นยิ่งแทบจะไม่มีทางซ่อม เพื่อกู้ซากรถให้กลับมาใช้งานได้เลย
ในขณะเดียวกันแม้จะย่างเขาสู่ต้นเดือน ต.ค. แล้วก็ตาม ก็ยังมีคำเตือนจากฝ่ายอุตุนิยมว่า ให้เฝ้าระวังพายุฝนที่ยังจะมีตกตามมาอีกเป็นระลอกๆ ในหลายๆ พื้นที่จะมีฝนหนักถึงขั้นให้ระวังน้ำท่วมอีกด้วย รวมทั้งพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำทั้งหลาย ก็ต้องเฝ้าระวังน้ำในแม่น้ำสายหลักๆ ที่จะต้องรับน้ำจำนวนมากจากพื้นที่น้ำท่วมทางต้นน้ำ ที่จะไหลลงมารวมกันในแม่น้ำสายหลัก และทำให้เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่ง หรือท่วมบ้านเรือนริมน้ำขึ้นมา
เมื่อพูดถึงฝนที่จะตกลงมาอย่างต่อเนื่อง คนที่จำเป็นต้องขับรถฝ่าสายฝนทั้งหลาย จึงต้องเตรียมรับมือเอาไว้ให้ดี อย่างน้อยก็ต้องตรวจดูอุปกรณ์ ที่จะช่วยให้ขับรถฝ่าฝนตกได้อย่างปลอดภัย เช่น ตรวจดูความลึกของร่องดอกยาง ว่ายังมีความลึกเพียงพอต่อการรับมือกับถนนที่เปียกได้หรือไม่ ตรวจดูระบบไฟส่องสว่าง เช่นไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟเลี้ยว ให้พร้อม และแน่นอนว่าสำคัญที่สุดก็คือ ต้องตรวจดูน้ำฉีดกระจกและใบปัดน้ำฝนด้วย
น้ำฉีดทำความสะอาดกระจกรถยนต์นั้น ควรเติมให้เต็มถังเก็บน้ำเสมอ โดยจะใช้เพียงแค่น้ำสะอาด หรือจะผสมน้ำยาต่างๆลงไปด้วยก็ใช้ได้ทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญก็คือต้องแน่ใจว่าน้ำที่เติมลงไปสะอาด ไม่มีผงหรือสิ่งสกปรกที่จะไปอุดตันหัวฉีดได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้สายยางลงไปจ่อที่ถังเก็บน้ำสำหรับฉีดกระจก เพราะในสายยางอาจจะมีตะไคร่น้ำปะปนอยู่ แล้วไหลไปอุดตันที่หัวฉีดกระจกได้ วิธีการเติมจึงควรเอาน้ำกรอกไปในขวดน้ำดื่ม เพื่อตรวจสอบดูว่าน้ำใสและไม่มีสิ่งใดๆที่จะไปอุดตันได้ จากนั้นจึงเอาน้ำในขวดไปกรอกเติมลงไปในถังเก็บน้ำ
กรณีที่มีการเติมสารต่างๆลงไปในน้ำสำหรับฉีดกระจกก็เช่นกัน ให้เอาสารต่างๆที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาเช็ดกระจก, แชมพู, สบู่เหลว หรือ น้ำยาล้างจาน กรอกลงไปในขวดน้ำดื่มที่หมดแล้ว แล้วเอาน้ำสะอาดกรอกตามลงไป จากนั้นจึงเขย่าให้เข้ากัน ก่อนที่จะเอาไปกรอกลงไปในถังเก็บน้ำสำหรับฉีดกระจก การทำด้วยวิธีนี้จะช่วยลดการอุดตันของหัวฉีดกระจกไปได้มาก
หากกดสวิทช์สำหรับฉีดน้ำเพื่อทำความสะอาดแล้วไม่มีน้ำถูกฉีดขึ้นมา ให้ตรวจสอบดูที่ถังว่ามีน้ำอยู่ในถังเก็บหรือไม่ หากพบว่ามีน้ำในถังเก็บในปริมาณที่เพียงพอต่อปั๊มจะสูบฉีดขึ้นมาแล้ว ให้สังเกตว่ามีเสียงปั๊มทำงานหรือไม่ในขณะที่กดสวิทช์ หากไม่มีเสียงปั๊มทำงานก็แสดงว่าวงจรไฟฟ้าของปั๊มชำรุด ให้ตรวจสอบที่แผงฟิวส์ และตรวจสอบที่ขั้วต่อต่างๆของสายไฟในวงจร ท้ายที่สุดให้สันนิษฐานว่า ปั๊มที่ทำหน้าที่สูบน้ำจากถังเก็บน้ำ เพื่อฉีดขึ้นมาที่กระจกนั้นเสียไปแล้ว
แต่หากพบว่ามีเสียงปั๊มทำงานและมีน้ำเพียงพอ แต่ไม่มีน้ำถูกฉีดขึ้นมา กรณีเช่นนี้ให้ตรวจดูตามท่อยางจากถังเก็บน้ำมาจนถึงหัวฉีด เพราะอาจจะมีรอยฉีกขาดหรือท่อยางบางช่วงอาจจะหลุด ท้ายที่สุดก็ตรวจดูที่หัวฉีด เพราะอาจจะมีการอุดตันจากครีมขัดสีรถก็เป็นได้ หากพบว่าหัวฉีดอุดตันก็เพียงแค่เอาเข็มเย็บผ้า หรือของแหลมเล็กๆ แหย่สวนลงไปที่หัวฉีด เพียงเท่านี้ก็แก้ไขให้กลับมาใช้งานได้แล้ว
และอย่าลืมตรวจสอบและปรับตำแหน่งฉีดของน้ำ ที่มากระทบกระจกหน้ารถด้วย เพราะหลายครั้งพบว่าน้ำที่ฉีดขึ้นมาถูกกระจกนั้น ตกอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำเกินไป จนใบปัดน้ำฝนไม่สามารถทำความสะอาดกระจกได้เต็มประสิทธิภาพ กรณีอย่างนี้ต้องดูว่าเราขับรถด้วยความเร็วสูงเป็นประจำหรือไม่
ถ้าใช้รถด้วยความเร็วสูงเป็นประจำ ก็ปรับให้น้ำฉีดโดนกระจกบริเวณด้านบนๆ เพราะเมื่อรถแล่นด้วยความเร็วสูง จะมีกระแสลมมาพัดน้ำให้ตกกระทบกระจก ในตำแหน่งที่ต่ำลงกว่าการฉีดในขณะรถจอดอยู่กับที่หรือขับด้วยความเร็วต่ำ ตำแหน่งของน้ำที่ฉีดมากระทบกับกระจกหน้ารถ จึงต้องสัมพันธ์กันกับความเร็วรถที่ใช้เป็นประจำด้วยครับ