อีก 8 หมื่นคันไหวไหม ลุ้น ตลาดรถยนต์ ‘6 แสน’ และตัวแปรยอดจองมอเตอร์ เอ็กซ์โป
ตลาดรถยนต์ ปีนี้ได้รับผลกระทบที่รุนแรงจริง ๆ โดยเฉพาะจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงเกิน 90% ของจีดีพี ส่งผลให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรถปิกอัพตอนเดียวและแบบมีแค็บ ที่ว่ากันว่าอัตราปฏิเสธสินเชื่อมากกว่า 70% เลยทีเดียว
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ การที่ปิกอัพซึ่งเป็นตลาดใหญ่มาก่อนหน้านี้ ด้วยสัดส่วนมากกว่า 50% ของตลาดรวม เมื่อยอดขายหดตัวแรงจึงส่งผลให้ภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้หดตัวต่อเนื่องและรุนแรงเช่นกัน
และเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาทำสถิติต่ำสุด ด้วยยอด 37,691 คัน ลดลง 36.1% จากเดือนเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่ยอดรวม 10 เดือน ทำได้ 4.76 แสนคัน ลดลง 26.2% นำไปสู่การประเมินตลาดรวมปีนี้อีกครั้งว่ามีโอกาสที่จะไม่ถึง 6 แสนคัน (ตัวเลขประมาณการณ์ล่าสุดของปีนี้) ต่ำสุดในรอบ 15 ปี
ส่วนตลาดรวมในช่วง 11 เดือน ตัวเลขคร่าวๆ อยู่ที่ 5.18 แสนคัน ดังนั้นหากยอดรวมจะไต่ขึ้นระดับ 6 แสนคันได้ ต้องการยอดในเดือนสุดท่ามยประมาณ 8.2 หมื่นคัน ซึ่งก็อาจจะดูว่าเป็นไปได้ เพราะโดยปกติดเดือน ธ.ค.เป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุด และยังได้รับแรงหนุนจากงานมหกรรมยานยนต์อีกบางส่วน และงานในปีนี้ก็มียอดจองที่สูงคือ 5.45 หมื่นคัน
โดยโตโยต้า มียอดจองสูงสุด 8,297 คัน ตามมาด้วย บีวายดี ที่ปีนี้สามารถทะลุขึ้นมาสู่ตำแหน่งรองแชมป์ด้วยยอด 6,917 คัน แซงหน้าฮอนด้า ที่ทำได้ 5,081คัน
แต่หากดูตัวเลขยอดขายรายเดือนปีนี้พบว่าเดือน ม.ค. เป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุดของปีก็มีตัวเลขแแค่ 5.48 หมื่นคัน
นอกจากนี้สำหรับยอดจองในงานมหกรรมยานยนต์ เมื่อมีการซื้อขายจริง ตัวเลขส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในปีหน้า แต่ก็มีไม่น้อยที่เกิดขึ้นในปีนี้จากการที่บริษัทรถยนต์หลายแห่งเร่งให้ลูกค้ารับรถภายในปีนี้ผ่านแคมเปญจูงใจต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเลขที่ดีในปี 2567
อย่างไรก็ตามแม้ว่าตัวเลขการจองที่ค่อนข้างสูง และสูงกว่าปีที่แล้ว จะแปรเป็นยอดขายได้ปีไหนก็ตามก็เป็นเรื่องดีทั้งสิ้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือยอดจองเหล่านี้จะเป็นยอดขายจริงได้เท่าไร เนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นมาเกี่ยวข้อง
ในอดีตนั้นยอดจองจะน้อยกว่ายอดขายจริง ส่วนหนึ่งมาจากผู้จองเองที่ทิ้งจอง โดยเฉพาะในยุคหลังที่บริษัทรถยนต์คืนเงินจองให้ หรือบางกรณีก็ไม่ต้องวางเงินจองเลยด้วยซ้ำ ทำให้ผู้บริโภคบางรายจองรถหลายคัน เพื่อเป็นตัวเลือก เช่น รอดูว่าจะมีข้อเสนอเพิ่มเติมจากพนักงานขายคันไหนหลังจากนั้น หรือ ในช่วงที่รถส่งมอบช้า หลายคนเผื่อเลือกว่ารถคันไหนส่งมอบได้เร็วกว่าก็จะรับคันนั้นและทิ้งจองรถคันที่เหลือไป
แต่ปีนี้จะมีปัจจัยสำคัญสำคัญคือ การอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน ว่าจะมีมากน้อยแค่ไหน
นอกจากนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับบริษัทรถยนต์เองว่าจะจัดการกับประเด็นนี้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาหลายแบรนด์ก็ใช้วิธีการทำงานร่วมกับไฟแนนซ์ในการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลคุณภาพลูกค้า หรือการเข้าไปมีส่วนโดยตรง เช่น รับประกันหรือสนับสนันการเงิน นั่นหมายถึงทำให้บริษัทรถยนต์ หรือ ดีลเลอร์ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่หากการคัดสรรได้ลูกค้าที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง ก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้เช่นกัน
การแปรยอดของเป็นยอดขายจริงจะอยู่ที่เท่าไรเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป แต่สำหรับตัวเลขการจองที่สูงในปีนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับบริษัทรถยนต์ เพราะอย่างน้อยเป็นการบ่งบอกถึงความต้องการซื้อรถของลูกค้าที่ยังมีอยู่ค่อนข้างสูง จึงเป็นการบ้านให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ นำไปคิดหาวิธีการที่ทำให้เกิดยอดขายในอนาคตได้อย่างไร
