รีซัลทิคส์ ขยายธุรกิจการตลาดออนไลน์สู่ไทย
ชูโซลูชันการตลาดแบบออมนิแชนเนล(Omnichannel) ของแบรนด์ต่างๆ และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทำตลาด
รีซัลทิคส์ (Resulticks) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการตลาดเพื่อสร้างความผูกพันกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศเดินหน้าขยายธุรกิจใน ประเทศไทย โดยมุ่งตอบสนองความต้องการโซลูชันการตลาดที่ผสานทุกช่องทาง หรือออมนิแชนเนล (Omnichannel) ของแบรนด์ต่างๆ พร้อมเผยงานวิจัยล่าสุดระบุ 88% ของแบรนด์ไทยเริ่มเชื่อมโยงฐานข้อมูลลูกค้าจากช่องทางต่างๆ เข้าด้วยกัน และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทำตลาด ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการมุ่งสู่แนวทางการตลาดแบบออมนิแชนเนล
รายงาน “The Omnichannel Imperative” ชิ้นนี้ของรีซัลทิคส์ เป็นผลการศึกษาความคิดเห็นของ 345 องค์กรธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เกี่ยวกับความพร้อมในการทำตลาดแบบออมนิแชนแนล ระบุว่า ว่า 74% ของธุรกิจในไทยที่ตอบแบบสอบถาม มีแผนที่จะเพิ่มงบการลงทุนในเทคโนโลยีการตลาดออมนิแชนเนลในปีนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจและเข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้รายงานดังกล่าวยังพบว่า ทิศทางการทำตลาดของผู้ประกอบการในไทยเริ่มเปลี่ยนไป โดย 88% ของแบรนด์ไทยเริ่มหันมาสร้างฐานข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของลูกค้า เพื่อมุ่งสู่การทำตลาดแบบออมมิแนลเนล ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เมื่อเทียบกับเวียดนามที่ 87% สิงคโปร์และฟิลิปปินส์ที่ 72% และ 70% ตามลำดับ
รีดิคกา สุบรามมาเนียน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รีซัลทิคส์ กล่าวว่า “ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจึงเป็น 1 ในตลาดสำคัญในการขยายธุรกิจของรีซัลทิคส์ เราต้องการเป็นหุ้นส่วนสำคัญในแผนการเติบโตของบริษัทต่างๆ ในไทยที่มีความก้าวหน้าและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ”
รายงาน The Omnichannel Imperative พบตัวเลขน่าสนใจที่สนับสนุนความคิดดังกล่าว คือ 41% ของแบรนด์ไทยเริ่มให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาล ขณะที่ 38% คิดว่าการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องกระทำ อีก 36% ระบุอีกว่า ตลาดไทยปัจจุบันยังมีปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข
มานิ โกปาลารัตนัม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท รีซัลทิคส์ ระบุว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในเอเชียที่มีแนวโน้มจะมุ่งไปสู่การทำตลาดแบบออมนิแชนเนลอย่างเต็มตัว เราจึงรู้สึกตื่นเต้นและพร้อมที่จะนำความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่มีอยู่ มาช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับแบรนด์ในประเทศ ที่เป็นทั้งแบบ B2B และ B2C ในการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อดียิ่งกว่าที่เคยเป็นมา”
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเจาะตลาดไทย รีซัลทิคส์ได้แต่งตั้ง วิวัฒน์ มาสุจันท์ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย ประจำประเทศไทย ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานมากกว่า 14 ปี ในแวดวงธุรกิจโซลูชันสำหรับองค์กรและไอที โดยเคยร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาแล้วมากมาย เช่น เช่น IBM, Oracle และ SAP
วิวิฒน์ให้ความเห็นว่า “ปัจจุบันผู้บริโภคในไทยคุ้นเคยกับข้อความการตลาดที่ส่งมาจากแบรนด์ต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้บริโภคเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์หรือบริการต่างๆ ผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่อธิบายว่า เหตุใดแบรนด์ในไทยมากถึง 71% ถึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการตลาดแบบเรียลไทม์ในปีนี้ รีซัลทิคส์จึงต้องการนำเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอยู่มาช่วยให้แบรนด์ในไทย สามารถยกระดับกลยุทธ์การตลาดไปอีกขั้น และช่วยให้พวกเขาสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ดีและมีความหมายยิ่งขึ้น”
นอกจากนั้น รีซัลทิคส์ยังได้แต่งตั้งบริษัท มอนติโวรี่ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและบริการข้อมูลเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญ โดยอาศัยความรู้ความเข้าใจด้านแนวโน้มเทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศไทย และประสบการณ์ทำงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการเติบโตในตลาดไทย
ทั้งนี้ ด้วยประสิทธิภาพโซลูชันการตลาดออมนิแชนเนลของรีซัลทิคส์ แบรนด์ต่างๆ จะสามารถทำแคมเปญการตลาดประสานเข้ากันได้ในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย อีเมล อีคอมเมิร์ซ โมบายล์แอป เอสเอ็มเอส หรือช่องทางดิจิทัลอื่นๆ นอกจากนั้น รีซัลทิคส์ยังจะช่วยให้การดำเนินงานแคมเปญเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ โดยเชื่อมโยงกับช่องทางออฟไลน์ด้วยเทคโนโลยี เช่น คิวอาร์โค้ด และเทคโนโลยีส่งข้อมูลระยะใกล้ (location beacon) ร่วมกับการนำฐานข้อมูลลูกค้ามาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ รีซัลทิคส์ยังจะนำความสามารถในการบริหารจัดการฐานข้อมูลลูกค้ามาใช้ร่วมกับเอไอ และเทคโนโลยี machine learning เพื่อช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถมอบประสบการณ์แก่ลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะได้แบบเรียลไทม์
ทั้งนี้ รายงานผลการวิจัยเรื่อง The Omnichannel Imperative เป็นการสำรวจทางออนไลน์เกี่ยวกับระดับความพร้อมด้านการตลาดออมนิแชนเนลของภาคธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 จากกลุ่มตัวอย่าง 345 บริษัทใน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม ได้ที่ https://www.resulticks.com/thailand-omnichannel-readiness.html