ถอดบทเรียน กรุงเทพคริสเตียน
เป็นข่าวใหญ่กับคำสั่งปลดผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ ให้พ้นจากตำแหน่งด้วยข้อกล่าวหาการจัดซื้อผิดขั้นตอน
จนกระทั่งกระแสสังคมตีกลับ ทั้งศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ครูอาจารย์ผู้ปกครองต่างรวมตัวกันแสดงจุดยืนเรียกร้องให้คืนตำแหน่งผู้อำนวยการพร้อมให้มีการตรวจสอบอย่างชอบธรรมโปร่งใส
อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาธรรมดาคนหนึ่งถึงเป็นที่รักของประชาคมกรุงเทพคริสเตียนฯ ได้ถึงเพียงนี้ คำตอบอยู่ที่ความไม่ธรรมดาของผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีความตั้งใจทำให้โรงเรียนก้าวหน้าล้ำยุคทั้งในแง่ของหลักสูตรและแนวคิดต่อการพัฒนาเยาวชน
โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยถือเป็นโรงเรียนเอกชนชั้นนำที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ความเก่าแก่นี้เป็นทั้งหอกที่คอยป้องกันภัยเพราะการันตีว่าความยาวนานของการเปิดโรงเรียนมาย่อมแสดงถึงความสำเร็จและความนิยมของสังคม แต่ในขณะเดียวกันหอกนี้ก็อาจทิ่มแทงตัวเองได้หากหลงระเริงกับความสำเร็จในอดีตถือเป็นกับดักแห่งการพัฒนา เหมือนอย่างที่หลาย ๆ โรงเรียนชั้นนำกำลังติดกับดักนี้
หากจะถอดบทเรียนจากกรุงเทพคริสเตียนฯ จำเป็นต้องเข้ามาดูถึงรายละเอียดว่าเพราะเหตุใด โรงเรียนเก่าแก่ริมถนนสาทรแห่งนี้ถึงได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจจุบันอย่างต่อเนื่อง
องค์ประกอบของความสำเร็จในการพัฒนาโรงเรียนประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ 1. วิสัยทัศน์ที่ทันโลกกว้างไกลของผู้บริหาร 2. บุคลากร ครูอาจารย์ เจ้าหน้าที่ในโรงเรียนให้ความร่วมมือ มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการนำวิสัยทัศน์นั้นมาปฎิบัติและพัฒนา และ 3. ผู้ปกครองและนักเรียนสนับสนุนส่งเสริมและหมั่นพัฒนาตนเอง
หากจะวิเคราะห์ให้ลึกถึงปัจจัยแห่งความสำเร็จทั้ง 3 ของร.ร.กรุงเทพคริสเตียนฯแล้วนั้น ถือว่าครบถ้วน นอกจากนั้นแล้วความคิดก้าวหน้าทันยุคสมัยของผู้บริหารโรงเรียนยังส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลักสูตรอย่างมาก ทั้งที่เป็นที่ฮือฮากับวิชาเลือกเท่ ๆ ที่ไม่ได้จำกัดกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ อย่าง วิชาเรียนภาษาอังกฤษจาก Netflix วิชาเอไอ Artificial Intelligence วิชาเขียนบทภาพยนตร์เบื้องต้น เป็นต้น
แนวคิดที่ก้าวหน้านี้ยังส่งผลให้เกิดกิจกรรมและวิถีปฏิบัติใหม่อีกมาก เช่น การทดลองให้นักเรียนแต่งชุดลำลองมาเรียน โครงการส่งเสริมพัฒนาจรวดของนักเรียน โครงการเรียนรู้นอกห้องเรียน การส่งเสริมกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากกิจกรรมทางวิชาการ เช่น ฮอกกี้ หุ่นยนต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถเห็นได้จากผลงานรางวัลของนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ
ความก้าวล้ำยืนเด่นของโรงเรียนนอกจากจะนำพาเสียงชื่นชมก็นำพามาซึ่งเสียงคัดค้าน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา เป็นสีสันและความสวยงามของสังคมประชาธิปไตย จะได้ช่วยกันคิดช่วยกันสร้างช่วยกันปรับช่วยกันพัฒนาสู่สิ่งที่ดีกว่า
ในฐานะภาคประชาสัมคม การพินิจพิเคราะห์ด้วยใจที่เป็นธรรม ด้วยหลักฐานข้อเท็จจริงจึงมีความสำคัญและจะเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่มีความตั้งใจในการพัฒนาการศึกษาไทยให้ก้าวล้ำทันสมัยทันโลก
เรื่องราวของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯสามารถถอดเป็นบทเรียนแก่ผู้บริหารโรงเรียนอื่น ๆ รวมถึงกระทรวงศึกษาฯ ถึงหลักสูตรที่ทันสมัยทันโลก ถึงผู้ปกครองว่าการเลือกโรงเรียนนั้นจะต้องดูปัจจัยหลายอย่างประกอบกันนอกเหนือจากชื่อเสียงของโรงเรียน และถึงภาคประชาสังคมว่าการพินิจพิเคราะห์ด้วยข้อเท็จจริงและใจที่เป็นธรรมมีความสำคัญอย่างมากภายใต้บริบทของสังคมปัจจุบัน