เรื่องที่ “ควรเกิดขึ้น” และ ”ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว!” กับ ธุรกิจ ของท่านในปี 2568 !

Part.1. หลายเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 2567 !

ปี 2567 ที่กำลังจะผ่านไป มีหลายเรื่องเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ ประเทศนี้ และ อุตสาหกรรมของแต่ละที่ ที่ส่งผลกระทบไม่มากก็น้อย

ไม่ว่าจะสงคราม ระหว่าง รัสเซีย กับ ยูเครน (และผองเพื่อน) หรือ สงครามในตะวันออกกลาง หรือเรื่องการกลับมา ของ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ที่จะมากู้โลกหรือป่วนโลกมากขึ้น และ AI ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นกับภาคธุรกิจและชีวิตส่วนตัวของผู้คนบนโลก

พอมองแคบลงมาถึงสภาวะเศรษฐกิจและการเมืองในบ้านเรา รวมถึงอิทธิพลทางการค้าการขาย จากธุรกิจจีน(ทั้งจีนขาว จีนเทา) ที่กระหน่ำธุรกิจไทย โดยเฉพาะ sme มาอย่างต่อเนื่อง

เรื่องไม่จบเพียงเท่านี้แน่นอน

เพราะในปี 2568 ทุกอย่างจะเกิดอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา คงได้แค่ลุ้นว่า จะมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นบนโลกนี้ที่ส่งผลกระทบกับประเทศไทยและธุรกิจเรามากขึ้น

เช่น จะมีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ มา ดิสรัปธุรกิจเราอีกหรือไม่? หรือ การเมืองไทยจะร้อนแรงจนเริ่มแผดเผาภาคธุรกิจในปี 2568 หรือไม่?

Part.2.จากสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2567 สู่สิ่งที่เกิดขึ้นกับธุรกิจเรา !

หลายๆอย่างที่เกิดขึ้นส่วนมาก ส่งผลกระทบเชิงลบมากกว่าเชิงบวกกับธุรกิจของเรา เช่น พฤติกรรมของลูกค้าก็เปลี่ยน กำลังซื้อก็หดหายจากสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว เรียกว่า เจ้าของกิจการจำนวนไม่น้อย ต่างก็ตึงมืออย่างยิ่ง ในปี 2567 ที่ผ่านมา

แต่ละที่ต่างก็มีแผนที่จะ รองรับ หรือ รุก ในปี 2568 เรียบร้อยแล้ว

ถ้าประเด็นที่จะเสนอแนะนี้ ยังไม่มีในแผน หรือท่านอาจมองข้ามไป ก็ลองพิจารณาประเด็นเหล่านี้ดูนะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจของท่านในปี 2568 ไม่มากก็น้อย

Part.3.จะ Scale หรือ Specific ดี สำหรับธุรกิจเรา !?

จากสถานการณ์ของธุรกิจท่านในปีที่ผ่านมา คาดว่าท่านน่าจะพอมองออกแล้วว่า ในปี 2568 นี้ จะ Scale คือขยายธุรกิจดีหรือไม่ ในช่วงที่คู่แข่งเพลี่ยงพล้ำจากสภาวะเศรษฐกิจ และธุรกิจของท่านมีเงินเย็นหรือเงินจากการระดมทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ

ถ้าจะ Scale ต้องมั่นใจจริงๆว่าคุ้มกับการเสี่ยง (วิธีนี้ เจ้าสัวและเจ้าของธุรกิจใหญ่ๆที่มีเงินเหลือเฟือมักจะใช้สวนกระแส ตอนสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คู่แข่งชะงักการลงทุน และมองเห็นโอกาสใหม่ๆ)

ส่วนอีกวิธีจะตรงกันข้ามกัน คือ Specific เน้นเฉพาะเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย ด้วยสินค้า บริการที่แตกต่างจากเดิมที่เคยทำ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทดแทนธุรกิจเดิมที่หดตัวยากจะฟื้นตัว

การที่จะ Specific จะคงสภาพของขนาดธุรกิจเท่าเดิม หรือ ลดขนาดธุรกิจให้เล็กลงกว่าเดิม เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและลดค่าใช้จ่าย

หลายธุรกิจในบ้านเรา จำเป็นต้องลดคน เพื่อลดค่าใช้จ่ายในปี 2567 ที่ผ่านมา และเราจะเห็นแนวโน้มการลดคน เพื่อลดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลากหลายธุรกิจ ในปี 2568 ถ้ายังไม่มีวิธีหารายได้เพิ่ม หรือปรับเปลี่ยนแบบพลิกโฉมให้ได้

Part.4. ไม่รู้ Pain Point ของลูกค้า และไม่รู้ Weak Point ของเราเอง….?

นอกจากเรื่อง จะ Scale หรือ Specific อีกเรื่องที่สำคัญมากก็คือ Weak Point หรือจุดอ่อนของธุรกิจเราเอง ที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ต้องปรับแก้ให้ได้ เพื่อลดปัญหาและเพิ่มโอกาสมีอะไรบ้าง?

เช่น สินค้า บริการ ตกยุค หรือทันยุคแต่แพงกว่าคู่แข่งมาก หรือ ช่องทาง Online ยังไม่แข็งแรง และไม่สามารถเชื่อมโยงกับช่องทางอื่นๆได้ เป็นต้น

เรื่องสำคัญอย่างยิ่งคือ ถ้าเราจะริเริ่มอะไรใหม่ๆ เพื่อเจาะ สร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ อะไรคือ Pain Point ของลูกค้าที่คู่แข่งหรือสินค้า บริการที่มีอยู่ในตลาดยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้

และสินค้า บริการที่จะตอบโจทย์ แก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ เรามีหรือไม่ ? ถ้าจะสร้าง หรือ พัฒนาขึ้นมาใช้เวลานานและงบประมาณมากเกินไปหรือไม่? หรือ หาพาร์ทเนอร์ มาช่วยตอบโจทย์ ร่วมกันพัฒนาต่อยอดจากสิ่งที่พาร์ทเนอร์มีเป็นต้น

Part.5. บทสรุป เรื่องที่ “ควรเกิดขึ้น”และ”ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว!”ในปี 2568

มาถึงตรงนี้ คงจะไม่เป็นเรื่องเสียเวลา ที่เราจะมาทบทวน เพื่อไม่ให้เสียโอกาส และไม่ให้เกิดปัญหาอย่างปีที่ผ่านมา

เรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้วในปี 2568 ที่เราเคยปล่อยให้เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง ?

เช่น ตั้งรับมากเกินไปไม่ได้เน้นเชิงรุก / หรือ ธุรกิจพึ่งพาลูกค้าบางกลุ่มมากเกินไป เมื่อสูญเสียลูกค้าบางส่วนจากกลุ่มนี้ ส่งผลกระทบกับรายได้หดหายไปจำนวนมาก หรือ ขาดการพัฒนาทีมงานอย่างจริงจังเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของการตลาด การขาย และคู่แข่งรายใหม่ๆที่คาดไม่ถึงเป็นต้น

ส่วนเรื่องที่ควรเกิดขึ้น ก็คือเรื่องราวที่อยู่ในแต่ละข้อของคอลัมน์นี้ ลองนำไปจุดประกาย ต่อยอดเพิ่มเติม

เมื่อไประเด็นที่น่าสนใจหลายๆประเด็นแล้ว ค่อยมาจัดลำดับความสำคัญ หรือทำควบคู่กันในประเด็นใดได้บ้างเป็นต้น

ขอให้ทุกท่าน พบหนทางที่ควรทำเพื่อทำให้ธุรกิจและทีมงานของท่านอยู่รอด และรุ่งเรืองในปี 2568 ที่จะถึงนี้นะครับ.