โลกกำลังเปลี่ยนไป เศรษฐกิจไทยลำบากขึ้น!

ซึ่งทรัมป์ระบุชัดเจนในช่วงหาเสียงว่า เขาจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 60% และ ยังขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศอื่นๆ อีก 10% ...ที่สำคัญ “ทรัมป์” ยังไม่เชื่อทฤษฎีเรื่องโลกร้อนด้วย โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งมีรายงานข่าวจาก “นิวยอร์กไทม์” ว่า ทรัมป์เตรียมถอนตัวจากข้อตกลงปารีสที่ว่าด้วยเรื่องโลกร้อน 

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ “ไอเอ็มเอฟ” ประเมินไว้ว่า นโยบายขึ้นภาษีของทรัมป์ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการค้าโลกที่สูงขึ้นอย่างมาก สินค้าที่ได้รับผลกระทบอาจครอบคลุมถึง 25% ของมูลค่าการค้าโลก หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 6% ของมูลค่าเศรษฐกิจโลก ซึ่งผลกระทบนี้จะเริ่มเห็นตั้งแต่กลางปี 2025 ทำให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวลดลงราว 0.3% ในอีก 5 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ผลกระทบดังกล่าวยังส่งผ่านไปยัง “การลงทุน” ซึ่งไอเอ็มเอฟประเมินว่าจะทำให้การลงทุนในสหรัฐและยุโรปลดลงราว 4% ขณะที่จีนรวมถึงประเทศอื่นๆ จะโดนผลกระทบราวครึ่งหนึ่งของสหรัฐ  ไอเอ็มเอฟยังประเมินด้วยว่า ภาวะการเงินโลกจะตึงตัวขึ้นซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากภาวะการค้าและเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง 

ส่วนผลกระทบต่อ “ไทย” หลายคนคาดหวังว่า เราจะได้อานิสงส์จากการย้ายฐานผลิตจากจีนที่หนีสงครามการค้ามายังไทย แต่อย่าลืมว่าเขามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ในขณะที่ “ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ” ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และที่ปรึกษาสถาบันวิจัยภัทร ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ DEEP Talk ของกรุงเทพธุรกิจเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เศรษฐกิจไทยจะเผชิญความยากลำบากมากขึ้นจากการมาของโดนัลด์ ทรัมป์ 

ดร.ศุภวุฒิ บอกผ่านรายการ DEEP Talk ว่า เศรษฐกิจไทยที่หวังเติบโตเกิน 3-4% อาจไปไม่ถึงแล้ว เพราะเราโตจากการส่งออก ขณะที่การค้าโลกกำลังหดหาย ที่สำคัญเขามองว่า สงครามการค้ารอบนี้จะหนักกว่ารอบที่ผ่านมา เพราะทรัมป์ไม่สนใจระเบียบโลกที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างชัดๆ จากข้อตกลงปารีสที่ ทรัมป์ เตรียมดึงสหรัฐถอนตัวออกมา ในขณะที่ความเสี่ยงด้าน Geopolitics ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน

...ดูแล้วความวุ่นวายของโลกใบนี้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก เราจึงควรต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเป็นรายวัน!