เปิดโลกทัศน์ รับสิ่งใหม่

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับเกียรติอย่างมากจากท่านอาจารย์และหัวหน้าภาควิชาในสถาบันอุดมศึกษาที่ผมได้รับการประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ในระดับปริญญาตรี ซึ่งผมสำเร็จการศึกษามานาน 25 ปีแล้ว อาจารย์ที่สอนผมในสมัยนั้นเกษียณกันเกือบหมดแล้ว ดังนั้นอาจารย์ที่ผมได้มีโอกาสพบเจอและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในด้านวิชาการ การวิจัย และการพัฒนาการเรียนการสอนแก่นักศึกษา จึงเป็นรุ่นน้องๆผมทั้งนั้น แต่ถือว่าเป็นคนเก่ง เรียนดีดีกรีด็อกเตอร์กันทั้งนั้น ที่สำคัญแต่ละท่านเป็นอาจารย์รุ่นใหม่ไฟแรง ทันยุคทันสมัยและมีหูตากว้างไกล โดยไม่ปิดตัวเองอยู่ในห้องแล็ปหรือห้องเรียนเท่านั้น

ความจริงวัตถุประสงค์หลักที่เชิญผมและศิษย์เก่าอีกท่านหนึ่งไป ก็เพื่อมาแบ่งปันประสบการณ์ตั้งแต่ช่วงเรียน ช่วงจบใหม่ๆที่ต้องหางาน และช่วงที่ทำงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่แล้ว รวมถึงข้อคิดวิธีการบางอย่างที่อาจจะเป็นประโยชน์แก่รุ่นน้องๆ จะได้เตรียมตัวให้พร้อม และมุ่งตรงสู่เป้าหมายในชีวิตได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น

เมื่อนึกย้อนกลับไปไล่มาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็ลองเทียบเคียงกับหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต หรือเป็นแบบอย่างคนที่สร้างแรงบันดาลใจที่ดีให้แก่คนอื่น ที่ผมได้มีโอกาสติดตามผลงาน อ่านประวัติ หรือสนทนาด้วย ก็ได้คำๆหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวซึ่งน่าจะสะท้อนแนวทางการก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จของแต่ละคนได้ไม่มากก็น้อย และอาจจะเป็นคำตอบให้กับคนรุ่นใหม่ๆหลายคนที่กำลังค้นหาคำตอบอยู่

Self AIMS จุดมุ่งหมายในใจ เป้าหมายที่ตัวเองต้องการ หรือสิ่งที่เราเชื่อว่าในที่สุดนี่แหละคือสิ่งที่ใช่และอยากทำมากที่สุด ทำได้ไม่รู้จักเบื่อ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำมัน ซึ่งบางทีอาจไม่เกี่ยวอะไรกับสาขาที่เรียนมาด้วยซ้ำ สำหรับบางคนโชคดีที่ค้นหาตัวตนเจอได้เร็ว ก็มีโอกาสก้าวสู่ความสำเร็จได้ก่อน แต่ก็มีอีกหลายคนที่ต้องหลงเดินวนไปในทิศทางอื่นๆ ก่อนที่จะค้นหาสิ่งที่ต้องการเจอในภายหลัง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเช่นนั้น มีอีกจำนวนไม่น้อยปล่อยชีวิตไปให้เป็นไปตามเวรตามกรรม

ที่ต้องใส่คำว่า Self นำหน้า เพราะต้องการสื่อให้รู้ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มันอยู่ที่ตัวเราเอง ไม่ใช่ใครอื่นหรือเพราะสภาพแวดล้อมรอบข้าง ดังนั้นไม่ต้องโทษใครเพราะเราเป็นผู้ตัดสินใจและกำหนดทุกอย่างเอง ที่เหลือคือหนทางที่จะนำพาเราไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ ซึ่งต้องใช้ทั้งความรัก ความเพียร ความมุ่งมั่น และความมีเหตุมีผล จากนั้นก็ก้าวเดินไปทีละก้าว ดังนี้

Awareness จิตสำนึกที่ดี มีความตระหนักรู้อยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญต้องรู้จักตัวเอง ผ่านกระบวนการ ABC คิดด้วยทัศนคติที่เป็นบวก (Attitude) ลงมือทำด้วยพฤติกรรมที่เหมาะสม (Behavior) และทบทวนผลลัพธ์ที่ได้ (Consequence) เพื่อที่จะไม่ผิดพลาดซ้ำเดิม หาหนทางใหม่ๆที่ดีกว่า

Initiative การเริ่มต้นสิ่งใหม่ต้องมีก้าวแรกเสมอ ดังนั้นต้องกล้าคิด กล้าฝัน และกล้าที่จะทำในสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม ไม่เช่นนั้นเราก็ทำเหมือนเดิม ไม่มีทางที่จะพบเจอสิ่งใหม่ที่ดีกว่า

Motivation การกระตุ้นจูงใจและสร้างพลังให้กับตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องรอแรงขับดันจากภายนอก การที่เราสามารถจะสร้างพลังให้กับตัวเองได้ ก็ไม่ต่างจากดาวฤกษ์ที่มีแสงในตัวเอง เครื่องยนต์ที่มีเชื้อเพลิงตลอด สำคัญที่สุดคือไม่ว่าจะเจอปัญหาอุปสรรคใดๆก็ไม่ย่อท้อ สำหรับนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น นอกจากแสงและพลังที่สร้างขึ้นให้กับตัวเองแล้ว ยังเผื่อแพร่ไปสู่คนรอบข้าง และช่วยจุดประกายให้กับใครหลายๆคนได้อีก จึงถือว่าบุคคลเหล่านี้สุดยอดมาก

Sufficiency รู้จักพอเพียง รู้ว่าแค่ไหน เท่าไร ตามแนวทางธรรมที่พึงปฏิบัติคือ มัชฌิมาปฎิปทา ทางสายกลางนั่นเอง ไม่มากไป ไม่น้อยไป

ทิ้งท้ายไว้ด้วยคำว่า “เปิด” หรือ Open อย่าปิดตัวเองที่จะรับรู้และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โลกนี้กว้างใหญ่และมีอะไรน่าสนใจอยู่มาก ปัญหาบางอย่างที่เราประสบเราอาจหาหนทางแก้ไขได้จากการที่เราเปิดตัวเองสู่โลกภายนอก ตอนนี้เรากำลังอยู่ในยุคแห่งโอกาส แนวคิดที่ปกปิดเพื่อที่ฉันจะได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว ทำให้หลายคนหลายธุรกิจต้องปิดตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย แต่สำหรับคนและธุรกิจที่เปิดกว้าง กลับได้รับประโยชน์ที่ตอบกลับมาทุกทิศทุกทางอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญมันมหาศาลมาก ไม่เชื่อลองพิจารณาสิ่งเหล่านี้ดู

Open Source ในโลกเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบซอฟท์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และเครือข่ายการเชื่อมต่อแบบปิด อาจทำให้หลายธุรกิจสร้างความมั่งคั่งได้ในอดีต แต่ปัจจุบันเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ธุรกิจที่สามารถใช้ประโยชน์จากแนวคิดการเปิดกว้างจากระบบเดิมๆ สามารถสร้างอาณาจักรทางธุรกิจให้เติบโตได้เร็วกว่า ใหญ่กว่า และกว้างขวางมากกว่า

Open Society ในโลกสื่อสังคมออนไลน์ ข้อมูล สารสนเทศ และความรู้ต่างๆมากมาย รอให้ทุกคนเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยกัน แหล่งความรู้ที่ดีและทันสมัย คงไม่ได้อยู่ในห้องสมุดอีกต่อไป หากแต่อยู่ในช่องทางสื่อสารใหม่ๆในหลากหลายรูปแบบ เพียงแต่เราต้องรู้จักคิด พิจารณา กลั่นกรอง และเลือกใช้ให้เหมาะสมเท่านั้นเอง

Open Science ในโลกวิทยาศาสตร์ในยุคหลัง ล้วนเกิดจากการนำหลายศาสตร์หลายแขนงมาประยุกต์เข้าด้วยกัน ในอดีตเมื่อนึกถึงสาขาหลักทางวิทยาศาสตร์ เราจะนึกถึง ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา หรือแม้แต่ในทางวิศวกรรมศาสตร์ และการแพทย์ แต่ในปัจจุบันนวัตกรรมใหม่ๆเกิดจากองค์ความรู้ใหม่ที่ทั้งลึกและกว้าง อาทิ Nano science หรือ Biomolecular science หรือ Mechatronic ซึ่งเป็นศาสตร์ใหม่ๆที่เกิดจากการผสมผสานความรู้พื้นฐานเดิมๆในอดีต

สุดท้ายอยู่ที่ตัวเราว่าจะเปิดใจ รับสิ่งใหม่ๆ และจะลองทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมบ้างหรือไม่ New concepts let you think in new things แนวคิดใหม่ที่กว้างไกลไร้กรอบ นำพาคุณให้คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ New tools let you work in new ways เทคนิค วิธีการ และเครื่องมือใหม่ๆ นำพาคุณไปสู่รูปแบบการทำงานในหนทางใหม่ อย่าหยุดคิด อย่าหยุดเรียนรู้ และที่สำคัญที่สุดจงลงมือทำเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ที่ดีกว่า