30 ปี Black Monday 'สูงสุดย่อมคืนสามัญ'
อนาคตจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ แต่เราสามารถเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมรับมือได้
เหตุการณ์ 'Black Monday' หรือ 'จันทร์ทมิฬ' เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 1987 หรือ 30 ปีที่แล้ว จากการที่ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งเหวลงพร้อมๆ กัน เริ่มจากฮ่องกง ยุโรป และลามมาถึงสหรัฐอเมริกา โดยดัชนี ดาว โจนส์ ลดลงถึง 508 จุด หรือคิดเป็น 22.61% ในวันเดียว
ช่วงปลายปี 1985 ถึงต้นปี 1986 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังภาวะถดถอยในช่วงต้นทศวรรษ 1980 โดย ดาว โจนส์ ไปแตะจุดพีคในเดือน ส.ค. ปี 1987 ที่ 2,722 จุด หรือสูงขึ้นถึง 44% จากสิ้นปีก่อนหน้า
อันที่จริง สัญญาณอันตรายได้เกิดขึ้นก่อนแล้ว โดยตลาดปรับตัวลงถึง 3.8% ในวันที่ 14 ต.ค. (ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ในเวลานั้น ก่อนจะถูกทำลายกระจุยกระจายหลังจากนั้น 5 วันจากเหตุการณ์ Black Monday) จากนั้นในวันถัดมาก็ลงอีก 2.4% ถัดมาอีกวันก็ลงอีก 4.6%
จะเห็นได้ว่า Black Monday ไม่ได้เกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ที่จริงมันตกแบบน่าใจหายมาก่อนหน้านั้นไม่ต่ำกว่า 3-4 วันทำการ วันละ 2-4% ก่อนจะพังวินาศสันตะโรในวัน 'จันทร์ทมิฬ' ดังกล่าว
คำถามที่พบเสมอคือ แล้วอะไรล่ะ คือสาเหตุให้เกิด Black Monday ?
คำอธิบายมีอยู่หลายประการ ที่เชื่อถือกันมากที่สุด คือ 'การใช้โปรแกรมเทรด' (program trading) เพราะในเวลานั้น บริษัทในวอลล์สตรีทเริ่มหันมาใช้คอมพิวเตอร์กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะพอร์ตที่ไปเฮดจ์เอาไว้ พอถึงจุดหนึ่ง โปรแกรมที่เซตไว้จึงทิ้งหุ้นพร้อมๆ กัน กลายเป็นเหตุการณ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่า แม้ตลาดจะตกลงมามาก ก็เป็นเพียง 'return to normalcy' หรือการกลับสู่พื้นฐานที่แท้จริงเท่านั้น
ในปี 2017 นี้ ครบรอบ 30 ปี ของเหตุการณ์ Black Monday พอดี ซึ่งก็น่าแปลกที่มีหลายอย่างคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่หุ้นสหรัฐฯ ขึ้นมาต่อเนื่องหลายปีติด จนหลายคนมองว่าน่าจะใกล้ถึงจุดพีคเต็มที
ที่น่าสังเกตก็คือ ไม่ว่าจะเป็น 'ก่อนหน้า' หรือ 'ภายหลัง' เหตุการณ์ ก็ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนว่าสาเหตุคืออะไร ดังนั้น จงอย่าคิดว่าหากตลาดหุ้นพังครืนลงเหมือนเมื่อสามทศวรรษก่อน เราจะมี 'ลางบอกเหตุ' อะไรล่วงหน้า เพราะขนาด Black Monday เกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว ยังไม่มีใครฟันธงได้ว่ามันเกิดจากสิ่งใดแน่
แม้ 'อนาคต' จะเป็นสิ่งที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ แต่เราสามารถเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมรับมือกับมันได้ ยิ่งสถานการณ์คลับคล้ายคลับคลา ยิ่งต้องระวังเอาไว้ให้ดี
หาก Black Monday คือการ 'คืนสู่สามัญ' อย่างที่เชื่อกันจริง จะมีอะไรดีไปกว่าการ Return to Normalcy ล่วงหน้าของเราเอง ด้วยการมองหาหุ้นดี ในราคาที่เหมาะสม อย่าซื้อหุ้นที่แพงเกินไป อย่าหวังลมๆ แล้งๆ กับอนาคต
ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ว่าในภาวะตลาดแบบใดก็ตาม