2 กับดักของเส้นทางสู่ความมั่งคั่ง

2 กับดักของเส้นทางสู่ความมั่งคั่ง

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน ผ่านพ้นเทศกาลสงกรานต์ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งความสุขของคนไทยทุกๆคน

 และก็โชคดีที่ตั้งแต่ต้นปีมานี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ก็ให้ผลตอบแทนที่ดี(ยกเว้นตลาดหุ้นไทยที่ค่อนข้างทรงตัว) รวมถึงสินทรัพย์ประเภทรีทส์ ซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีมากเช่นกัน ผมจึงเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ที่มีการกระจายพอร์ตการลงทุนก็จะมีความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน วันนี้ผมจะเขียนเรื่องของกับดักที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไปไม่ถึงความมั่งคั่งที่ตัวเองตั้งเป้าหมายเอาไว้

กับดักใหญ่ๆอันแรกคือเรื่องของวินัย ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆที่ใครๆก็น่าจะมองเห็น แต่เจ้าวินัยนี่แหละที่เป็นกับดักที่คนส่วนใหญ่ติดกับดักกัน ซึ่งกับดักนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในหลากหลายสถานการณ์ด้วยกัน เช่น พิชิตได้ตั้งเป้าหมายทางการลงทุนเพื่อให้ในตอนเกษียณในอีก 20 ปีข้างหน้ามีเงินไว้อย่างเพียงพอโดยมีการวางแผนการลงทุนเอาไว้ ว่าจะลงทุนเดือนละ 20,000 บาทในแต่ละเดือนในกองทุนต่างๆที่ได้มีการกระจายความเสี่ยงเอาไว้แล้วอย่างเหมาะสม ต่อมาพิชิตเห็นว่าตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นที่นิยมของนักลงทุน

พิชิตจึงตัดสินใจซื้อกองทุนจีนกับเขาบ้างเพื่อหวังจะได้ผลตอบแทนที่สูงแล้วค่อยขายออกเมื่อได้กำไรสัก 10% และหากผิดคาดหุ้นไม่ขึ้นหรือตกลงก็จะทำการตัดขาดทุนที่ระดับ 5% โดยพิชิตได้ขายกองทุนรวมตราสารหนี้ออกไปและนำเงินที่ได้ไปลงทุน ซึ่งทำให้การลงทุนสินทรัพย์ประเภทหุ้นจีนมีสัดส่วนที่สูงกว่าสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งในช่วงแรกๆกองทุนหุ้นจีนที่ซื้อไว้ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ต่อมาเมี่อมีข่าวเกี่ยวกับสงครามการค้าทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน แม้ว่าพิชิตตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าขาดทุนเกิน 5% จะทำการขายออก แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆแม้ว่าตลาดหุ้นจีนจะลงมากกว่า และพื้นฐานของตลาดเปลี่ยนไปแล้ว แต่พิชิตก็ไม่สามารถตัดใจขายตามแผน

ผลที่ได้คือพอร์ตของพิชิตมีการปรับตัวลงมากกว่าที่วางแผนไว้จากการเบี่ยงเบนออกจากแผนและอาจทำให้ท้ายสุดแล้วพิชิตอาจไม่ได้มีเงินก่อนเกษียณตามเป้าหมายที่วางไว้ อันเป็นผลมาจากกับดักที่พิชิตตกหลุมจากการขาดวินัยในการลงทุน

นอกจากการเบี่ยงเบนออกนอกเส้นทางแล้ว ความไม่มีวินัยต่อความสม่ำเสมอในการลงทุนก็เป็นอีกกับดักที่คนส่วนใหญ่ตกหลุมกันได้ง่ายๆ เช่น พิชิตตั้งใจว่าจะลงทุนทุกๆเดือน(หรือที่บางคนเรียกว่า DCA (Dollar Cost Average)) แต่ในช่วงเดือนมกราคมพิชิตตัดสินใจไปเที่ยวต่างประเทศโดยนำเงินที่ตั้งใจจะเก็บไว้ลงทุนมาใช้ก่อน ผลที่เกิดขึ้นคือในปีนั้นพอร์ตการลงทุนตามแผนก็น้อยกว่าที่ได้วางไว้ ซึ่งแน่นอนว่าท้ายสุดก็จะกระทบต่อพอร์ตเป้าหมายเกษียณอย่างแน่นอน

ดังนั้น เมื่อเรามีแผนการลงทุนที่ชัดเจนแล้ว ก็ควรมีวินัยในการปฏิบัติตาม อย่างที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยกล่าวเอาไว้ว่า “คุณไม่จำเป็นต้องฉลาดกว่าคนอื่น แต่คุณต้องมีวินัยมากกว่าคนอื่น”

เดี๋ยวก่อน ..ค่อยเริ่ม

กับดักตัวที่สองที่จะฝากไว้สำหรับนักลงทุน คือการเริ่มต้นลงทุน ยิ่งเริ่มต้นลงทุนเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสร้างความมั่งคั่งเร็วเท่านั้น ซึ่งนักลงทุนไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าจะรอให้เกิดวิกฤตก่อนแล้วจึงลงทุน

 แม้แต่ Albert Einstein ยังยกให้ "ดอกเบี้ยทบต้น เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับแปดของโลก" ซึ่งดอกเบี้ยทบต้นนั้นมีองค์ประกอบของที่สำคัญอยู่ 3+1 เรื่องคือ เงินต้น ดอกเบี้ย และเวลา โดยเฉพาะเจ้าตัวเวลานั้นแหละที่จะทำให้เงินของคนที่ลงทุนก่อนนานๆสามารถทวีขึ้นได้มากกว่าคนที่ลงทุนช้ากว่าหรือลงทุนทีหลัง

แต่คนส่วนใหญ่มักจะติดกับดักอย่างง่ายๆอย่างที่ไม่ควรก็คือ เอาไว้ก่อนแล้วกัน หรือ ขอเริ่มเดือนหน้านะ หรือเดือนนี้มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะขอเป็นเดือนหน้านะ หรือ ตอนนี้ตลาดหุ้นผันผวนการเมืองก็ไม่นิ่งเอาไว้ให้มันดีขึ้นก่อนค่อยลงทุนแล้วกัน ลองถามตัวเองว่าเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับเรามั้ย ถ้าใช่แปลว่าเราเคยติดกับดักที่ว่านี้แล้ว

อย่างที่ผมได้เคยเขียนเอาไว้ว่า “มีคนเคยบอกว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการลงทุนคือเมื่อ 25 ปีที่แล้ว และช่วงเวลาที่ดีถัดมาคือวันนี้”

ท้ายสุดนี้ผมก็ขอให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านมีความสุขและโชคดีในการลงทุนนะครับ