ความเสียหายทางเศรษฐกิจ จากการระบาดครั้งใหม่
เป็นที่น่าตกใจ การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่และจำนวนของผู้ติดเชื้อหลายร้อย จ.สมุทรสาคร ส่งผลทางเศรษฐกิจร้ายแรงพอๆ กับการระบาดรอบแรก
หากอยู่ในภาวะปกติทั่วไป พฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงปลายเดือน ธ.ค. คือเวลาแห่งความสุข เพราะมักจะมีงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งภายในครอบครัว ในกลุ่มญาติมิตรเพื่อนฝูง เลี้ยงรุ่น ตลอดจนงานรื่นเริงต่างๆ มากมาย ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้คือฟันเฟืองสุดท้ายที่จะช่วยกระตุ้นหมุนเวียนสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ
ประเทศไทยในตอนนี้ก็ตกที่นั่งลำบาก เช่นเดียวกับในหลายประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรปที่ยังคงวุ่นวายกับการจัดการการแพร่ระบาดของเชื้อโรคร้ายนี้ จนทำให้ในบางประเทศจำเป็นต้องใช้ยาแรงปิดเมือง Lockdown กันอีกรอบ
หากการระบาดระลอกใหม่นี้มีแนวโน้มแพร่ขยายวงอย่างรวดเร็ว กรุงเทพฯและเมืองใหญ่อีกหลายๆ เมืองอาจจะถูกปิดเมืองอีกครั้ง และค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจก็คงมีมูลค่าสูงมากเกินประเมิน
การแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่สันนิษฐานว่ามาจากแรงงานต่างด้าวนี้ ไม่ใช่ปัญหาที่เกินจินตนาการแต่อย่างใด และเรื่องนี้ก็ยังเป็นตลกร้ายเพราะนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานก็เคยออกโรงเตือน ชี้ช่องโหว่ให้เราได้ทราบว่าหากไม่บริหารจัดการแรงงานต่างชาติให้ดี การแพร่ระบาดอาจเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะภาวะความเป็นอยู่ที่แออัดของแรงงานต่างชาติ สุขอนามัยที่ไม่ถึงมาตรฐาน และระบบสาธารณสุขไทยต่อแรงงานต่างชาติที่ยังมีช่องโหว่นั่นเอง
ไทยสามารถและสมควรศึกษาเรียนรู้จากสิงคโปร์ ที่มีกรณีระบาดระลอกใหม่ในแรงงานต่างชาติที่อยู่อาศัยด้วยกันอย่างแออัด หากจะปิดตาข้างเดียวไม่พูดถึงสิทธิมนุษยชน ก็ควรคำนึงถึงผลเสียหายทางเศรษฐกิจ เพราะการปล่อยปะละเลยไม่ดูแลรักษาคนที่อาศัยอยู่ในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพลเมืองหรือแรงงานต่างด้าวนี้ จะเกิดผลเสียหายจะกระทบต่อภาพใหญ่
การแพร่กระจายของเชื้อโรคร้ายนี้ เกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว และก็เกิดขึ้นกับในหลายประเทศทั่วโลก หลายประเทศที่ประสบความสำเร็จในการจัดการซึ่งก็รวมถึงไทยก่อนจะมีการแพร่ระบาดระลอกนี้ ขณะที่อีกหลายประเทศก็ไม่สามารถบริการจัดการได้ดี ดังนั้นไทยจึงควรศึกษาข้อดีข้อด้อยของแต่ละประเทศและเอามาประยุกต์ใช้กับบริบทบ้านเมืองของเรา
การตรวจหาเชื้อเชิงรุก และการบริหารจัดการการแพร่ระบาดสมควรเป็นการบ้านที่รัฐควรพิจารณาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งคนไทยและสังคมโลก เพราะเมื่อประชาชนมีความเชื่อมั่นแล้ว ประชาชนก็จะใช้ชีวิตได้อย่างมีสติ จนเกือบจะเป็นปกติสุข การจับจ่ายใช้สอยก็คล่องตัวขึ้นเพราะประชาชนมีความมั่นใจในความสามารถของรัฐพร้อมกับความร่วมมือจากภาคประชาสังคมว่า เราจะผ่านพ้นวิกฤตนี้กันไปได้อีกครั้ง
จะด้วยเพราะเหตุใดก็ตาม การระบาดระลอกใหม่ได้เกิดขึ้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นความโปร่งใสของข้อมูล การบริหารจัดการที่ดีเยี่ยมที่กำกับโดยบุคลากรทางสาธารณสุขที่ไทยเคยได้รับการยกย่องควรถูกยกระดับอีกครั้ง ภาคประชาสังคมซึ่งตระหนักดีถึงผลเสียหายก็สมควรมีสติให้ความร่วมมือกับนโยบายต่างๆ ที่รัฐกำลังจะออกมาเพื่อจัดการปัญหาครั้งนี้
หากไทยไม่สามารถบริหารจัดการการแพร่กระจายรอบนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเสียหายอันมหาศาลนี้ไม่เพียงแต่รัฐบาลเท่านั้นที่จะแบกรับ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจดีทั้งหมดจะกลายเป็นหมัน เศรษฐกิจจะพังพินาศ ประชาชนจะทำมาหากินลำบากมากขึ้น และสุดท้ายก็จะสะท้อนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป