พิษของ ‘การนำ’ หน้าจอ
โรคระบาดทำให้ต้อง WFH กันทั่วหน้า ถ้าทำกันแค่ 1-2 เดือนมักไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องการนำองค์กร แต่พอผ่านไปนานวันมักเกิดอาการผิดปกติกับตัวผู้นำ
ผู้นำยังจดจำว่าได้ว่าเคยนำองค์กรมาอย่างไรบ้างในระหว่างที่ทำการงานกันได้ตามปกติ พฤติกรรมในการนำยังไม่มีอะไรแปลกๆ ไปเกินเลยไปกว่าที่เป็นมาจากตัวตนของผู้นำ แต่พอผ่านไปนานวัน มักเกิดอาการผิดปกติในการนำองค์กรเกิดขึ้นกับตัวผู้นำ สั่งการหน้าจอนานเกินไปอาจเกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นได้หลายอย่าง ส่วนใหญ่อาการเหล่านั้นล้วนแต่สร้างปัญหามากบ้างน้อยบ้างให้กับคนทำงาน ซึ่งทำงานจากบ้านในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากในสำนักงานก็เป็นอุปสรรคอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความพร้อมด้านเทคโนโลยี ความเป็นสัดส่วนของพื้นที่ทำงาน รวมทั้งยังซ้ำเติมด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดรอบตัวที่ยาวนาน วัคซีนให้ตัวให้ครอบครัวจะมาเมื่อไรก็ไม่รู้ การนำด้วยพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์จึงซ้ำเติมแรงกดดันในการทำงานจากบ้านหนักขึ้นไปอีก
โดยปกติแล้ว ผู้นำก็หลงตนเองในระดับหนึ่งแล้ว เป็นคนใหญ่คนโตย่อมนึกว่าตนเองเก่งกว่าคนอื่นอยู่แล้วในระดับหนึ่ง การนำผ่านหน้าจอจะยิ่งเสริมความหลงตนเองมากขึ้นไปอีก จนถึงระดับที่เกินเลยกว่าที่ผู้นำควรจะเป็น สั่งการต่อหน้ากันในที่ทำงาน ผู้นำยังได้เห็นสีหน้าท่าทางการตอบสนองคำสั่งนั้น เป็นการสื่อสารย้อนกลับที่เพียงพอที่จะรับรู้ได้ว่าตนเองนำได้ดีเพียงใด พอจะปรามตนเองได้ว่าเกินเลยไปแล้วหรือไม่ แต่สั่งการผ่านจอจะดูเหมือนคนอื่นเห็นดีเห็นงามไปหมด เพราะพูดอยู่คนเดียวคนอื่นเปิดจอแต่ปิดไมค์รอฟังอย่างเดียว จอเล็กๆ จากแต่ละคนไม่เพียงพอที่จะสื่อสารให้ผู้นำทราบความรู้สึกนึกคิดของคนเหล่านั้นได้ เจอะเจอหน้าตากันจริงๆ ยังมีสารพัดหนทางที่คนทำงานจะบอกกล่าวโดยผู้นำไม่เสียหน้าเสียตาว่าที่สั่งการมานั้นไม่ได้เรื่องอะไรบ้าง แต่สั่งการหน้าจอมีข้อจำกัดในการสื่อสารย้อนกลับจากคนทำงาน ประชุมทางไกลพร้อมหน้าพร้อมตากันหมดเป็นสภาพที่โต้แย้งแบบรักษาหน้าได้ลำบาก หนทางเดียวที่คนทำงานทำได้แบบปลอดภัยกับตนเองคือเงียบไว้ก่อนเท่านั้น นายใหญ่เลยยิ่งหลงตนเองว่าฉันคิดเก่งนำเก่งสารพัด บอกอะไรไปไม่มีใครโต้แย้งซักคน เลยยิ่งนำเข้าป่าเข้าดงหลงทิศหลงทางหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ
การห่างเหินทางกายภาพ ต่างคนต่างอยู่คนละที่ ทำให้ผู้นำรู้สึกว่าอำนาจของตนเองที่ปรากฏต่อคนทำงานมีมากไม่เท่าเดิม เจอะเจอกันเป็นประจำ เดี่ยวเจอคนนั้นไหว้ คนนี้คำนับ ช่วยเสริมความมั่นใจในอำนาจของผู้นำที่ยึดหลักอำนาจนิยม การนำจากหน้าจอจึงตามมาด้วยสื่อสารที่เกินกว่าที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการประชุมที่มากเกินกว่าที่ควรจะเป็น ประชุมกันนานเกินไป หรือมีการสื่อสารสั่งการซ้ำซากผ่านช่องทางไซเบอร์ต่างๆ ส่งผลให้คนทำงานหมดไปเวลาส่วนหนึ่งไปกับการประชุม หรือตอบการสื่อสารที่ไม่จำเป็นเหล่านั้น ไลน์มาไม่ตอบก็เคืองกันอีก ทำให้เวลาที่ใช้ในการทำงานจริงๆ ลดลง
การทำงานจากบ้าน ผ่านช่องทางไซเบอร์จึงดูเหมือนจะกินเวลาในชีวิตมากกว่าที่เคยทำงานในสำนักงาน ทั้ง ๆที่ไม่ต้องมีการเดินทาง อีกทั้งต้องไม่ลืมว่าการทำงานที่บ้านนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีสภาพแวดล้อมเหมาะสม อาจทำงานได้ช้าลงอยู่แล้ว การเบียดบังเวลาจากการประชุมหรือการสื่อสารที่ไม่จำเป็นจากผู้นำจะซ้ำเติมอุปสรรคที่มีอยู่ให้หนักหนามากขึ้นไปอีก
ผลงานจากการทำงานที่บ้านปรากฏต่อสายตาผู้นำไม่ชัดเจนเท่ากับการทำงานในสำนักงาน เห็นว่ามาเช้าทุกวันก็คิดว่าตั้งใจทำงานแล้ว ไม่ค่อยไปตามดูผลผลิตผลลัพธ์เท่าใดนัก พอไม่เห็นแบบที่เคยเห็นคือมาเช้ากลับช้า ก็มีแนวโน้มจะไปไล่จิกตามผลผลิตผลลัพธ์จากคนทำงานมากขึ้น ซึ่งที่จริงก็ไม่ต่างไปจากเดิมมากมายอะไรนัก แต่กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต เขียนไลน์เขียนเว็บเตือนว่าทำงานที่บ้านไม่ใช่การหยุดงาน ต้องทำงานให้ได้เหมือนเดิม คนทำงานก็เต็มที่ หรือมากกว่าที่เคยทำอยู่แล้วพอเจอถ้อยคำแบบนี้ก็ท้อถอยกันไปเลย สิ้นหวังจากเรื่องบ้านเมืองแล้วยังมาเจอความท้อแท้จากการทำงานแล้วนายไม่เห็นผลงานซ้ำเข้าไปอีก
ยามนี้ขวัญและกำลังใจของคนทำงานเป็นเรื่องสำคัญ ผู้นำที่ดีจึงควรระมัดระวังพิษจากการนำหน้าจอไว้เสมอ.