ลงทุนในกลุ่ม Yield Play เมื่อดอกเบี้ยลดลง

ลงทุนในกลุ่ม Yield Play เมื่อดอกเบี้ยลดลง

เลือกลงทุนในกลุ่ม Yield Play เป็นกลยุทธ์หนึ่งในช่วงวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง แต่การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยง แบ่งเบาความเสียหายของพอร์ตการลงทุน

วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงกำลังใกล้เข้ามา ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินวันที่ 17-18 กันยายน นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางหลายประเทศได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายนำไปก่อนแล้ว เช่น ธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางแคนาดา ธนาคารกลางบราซิล ธนาคารกลางเม็กซิโก เป็นต้น การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลาง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือเล็ก ย่อมมีผลกระทบต่อสินทรัพย์ลงทุน โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น การเตรียมพร้อมเพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดรับกับสภาวะการลงทุนที่เปลี่ยนไป ในช่วงที่ดอกเบี้ยปรับลดลง การเลือกลงทุนในกลุ่ม Yield Play เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจ เพราะจะช่วยชดเชยรายได้ที่หายไปจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง นอกจากนี้ยังช่วยให้ได้รับผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสินทรัพย์ลงทุนในกลุ่มนี้ ได้แก่

ตราสารหนี้ มูลค่าตราสารหนี้จะปรับตัวในทิศทางตรงข้ามกับอัตราดอกเบี้ย เมื่อดอกเบี้ยปรับตัวลง ราคาตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งตราสารหนี้ แบ่งตามประเทศของผู้ออกหุ้นกู้ ได้แก่ ตราสารหนี้ภาครัฐ และตราสารหนี้ภาคเอกชน หรือที่เรียกกันว่าหุ้นกู้เอกชน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยรับที่สม่ำเสมอ ในภาวะดอกเบี้ยขาลงควรเลือกลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี เน้นตราสารหนี้ระยะยาวมากกว่าระยะสั้น เนื่องจากราคาตราสารหนี้ระยะยาวจะปรับเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าทำให้มีกำไรจากส่วนต่างของราคา (Capital gain) มากกว่า ตราสารหนี้ภาคเอกชนมักจะให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ภาครัฐ อย่างไรก็ตามการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้สูงกว่า โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้น การลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนจะต้องประเมินความเสี่ยงของบริษัท โดยพิจารณาจากอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ (credit rating) ว่าบริษัทนั้นมีความแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน มีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้นหรือไม่ ซึ่งการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้จะมีความเสี่ยงต่ำ จึงเหมาะสมกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงไม่มาก

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน หากนักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้สูงกว่าการลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้นหรือความเสี่ยงระดับกลาง การเลือกลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์จะเป็นอีกสินทรัพย์หนึ่งที่นักลงทุนจะได้ประโยชน์จากรายได้ของค่าเช่าหรือค่าบริการอย่างสม่ำเสมอ โดยการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะมีให้เลือกลงทุนได้หลายประเภท ได้แก่ อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ศูนย์การแสดง โรงแรม สนามบิน โรงงานอุตสาหกรรม และคลังเก็บสินค้าประเภทต่างๆ อย่างไรก็ตาม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายในตลาดรอง ราคาจึงมีความผันผวนตามสภาวะตลาด และการลงทุนมีความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลงซึ่งอาจจะกระทบต่อรายได้ของกองทุน 

หุ้นสามัญที่จ่ายปันผลสูง  เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง และผู้ที่ต้องกาสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอจากเงินปันผล เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การกู้ยืมเงินของบริษัทเพื่อนำมาดำเนินธุรกิจทั้งการกู้ยืมจากธนาคารหรือการออกหุ้นกู้ บริษัทจะมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง ภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง ช่วยให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น มีโอกาสที่นักลงทุนจะได้รับเงินปันผล นอกเหนือไปจากส่วนต่างด้านราคา ซึ่งการลงทุนในหุ้นปันผลยังมีข้อดี คือ เมื่อภาวะตลาดมีความผันผวนสูงอาจจะกระทบให้ราคาหุ้นปรับลดลงได้ นักลงทุนมีโอกาสที่จะขาดทุนจากส่วนต่างราคา แต่นักลงทุนอาจจะได้รับจากเงินปันผลจากบริษัท เมื่อเลือกลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโต มีความสามารถในการแข่งขันระยะยาว มีผลประกอบการที่ดีและมีศักยภาพในการเติบโตของกำไรในอนาคต ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นปันผลเหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว ดังนั้น นักลงทุนระยะสั้นต้องระมัดระวังในการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงเวลาทีตลาดมีความไม่แน่นอนและมีความผันผวนสูง

การเลือกลงทุนในกลุ่ม Yield Play เป็นกลยุทธ์หนึ่งในช่วงวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง แต่การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ จะช่วยลดความเสี่ยง แบ่งเบาความเสียหายของพอร์ตการลงทุน หากราคาของสินทรัพย์หนึ่งปรับตัวลงแรง ในช่วงเวลาที่ดอกเบี้ยลดลง แต่บรรยากาศการลงทุนมีความไม่แน่นอนจากปัญหาความตึงเครียดเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะเพิ่มสูงขึ้นจากเหตุการณ์ในตะวันออกกลาง ความยืดเยื้อของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่จะมาถึงในเดือนพฤศจิกายน 2567 ซึ่งไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะย่อมส่งผลต่อนโยบายทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้น นักลงทุนต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจและภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด ทำความเข้าใจสินทรัพย์ที่จะลงทุนเพื่อให้สอดคล้องความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยสามารถเลือกลงทุนผ่านบริษัทจัดการกองทุนที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการลงทุน โดยขอคำแนะนำผ่านผู้แนะนำการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน