เลือกกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างไรให้เหมาะกับคุณ ?

เลือกกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างไรให้เหมาะกับคุณ ?

ThaiESG :แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ไทยทั้งหุ้นกู้ในไทยและพันธบัตรรัฐบายไทยตามเงื่อนไขของกองทุน โดยหากนักลงทุนเสี่ยงต่ำต้องการลงทุนในไทยเป็นหลักอยู่แล้วควรเลือกซื้อ ThaiESG เป็นอันดับแรกเพราะระยะเวลาการถือครองที่สั้นสุดเพียง 5 ปี

กองทุนรวมประเภทที่ใช้ลดหย่อนภาษีถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยในการวางแผนเกษียณ ซึ่งในไทยมีด้วยกัน 3 ประเภทหลักๆคือ Super Savings Fund (SSF), Retirement Fund (RMF) และ ThaiESG โดยแต่ละกองนั้นมีเงื่อนไขระยะเวลาและนโยบายการลงทุนที่แต่ต่างกันดังนี้

เลือกกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างไรให้เหมาะกับคุณ ?

ทั้งนี้ จากตารางที่ 1 นักลงทุนสามารถใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการเปรียบเทียบและคัดเลือกลงกองทุนลดหย่อนภาษีได้ แต่ยังไม่สามารถเจาะจงถึงประเภทสินทรัพย์ที่ควรเลือกตามอัตราผลตอบแทนและความเสี่ยงที่รับได้ เนื่องจากขาดข้อมูลผลตอบแทนในอดีตช่วยเป็นตัวชี้วัด ดังนั้นหากนำรูปแสดงอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีดังภาพข้างล่างนี้มาปรับใช้ร่วมกับตารางที่ 1 จะสามารถช่วยให้นักลงทุนคัดเลือกกองทุนลดหย่อนได้ง่ายและเหมาะกับตนเองมากขึ้น โดยแบ่งนักลงทุนตามความเสี่ยงได้ 2 แบบ ดังนี้

1.นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง

SSF และ RMF : แนะนำลงทุนในสินทรัพย์ประเภทหุ้นและทองคำเป็นหลัก โดยเฉพาะหุ้นโลกเพราะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีอยู่ที่ระดับ +9.62% ต่อปี แต่ในขณะเดียวกันก็มีความผันผวนที่มากสังเกตได้จากปี 2018 และ 2022 ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลง -8.92% และ -17.95%

ThaiESG : มีข้อจำกัดการลงทุนโดยสามารถเลือกลงทุนได้เฉพาะตราสารหนี้และหุ้นในประเทศไทย ดังนั้นหากรับความเสี่ยงได้สูง หุ้นไทยจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมจากอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีก็อยู่ในระดับ +4.85% ต่อปี ใกล้เคียงกับทองคำ

2.นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ

SSF และ RMF : แนะนำลงทุนในสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้เป็นหลัก โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทยเพราะอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ในระดับ +2.87% ต่อปี และในตลอดระยะเวลา 10 ปีให้ผลตอบแทนเป็นบวกทุกปี สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนที่ต่ำ เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและกังวลความผันผวนของตลาด

ThaiESG : แนะนำลงทุนในตราสารหนี้ไทยทั้งหุ้นกู้ในไทยและพันธบัตรรัฐบายไทยตามเงื่อนไขของกองทุน โดยหากนักลงทุนเสี่ยงต่ำต้องการลงทุนในไทยเป็นหลักอยู่แล้วควรเลือกซื้อ ThaiESG เป็นอันดับแรกเพราะระยะเวลาการถือครองที่สั้นสุดเพียง 5 ปี