อยากเป็นคนแก่สมองหนุ่ม | วรากรณ์ สามโกเศศ

อยากเป็นคนแก่สมองหนุ่ม | วรากรณ์ สามโกเศศ

เมื่อพูดถึงความแก่ เรามักคิดว่า ทุกคนเมื่อมีอายุมากขึ้น ความจำและความคิดก็ต้องเสื่อมตามไปด้วยเป็นธรรมดา โดยลืมนึกไปว่ามีคนสูงวัย 80 ปีขึ้นไปจำนวนหนึ่งที่ไม่เป็นเช่นนั้น

คนกลุ่มนี้มีความจำเหมือนคนอยู่ในวัย 50-60 ปี หรืออ่อนกว่านั้นด้วยซ้ำ คำถามที่วงการแพทย์สงสัยก็คือ คนกลุ่มนี้มีอะไรที่แตกต่างจากคนสูงวัยอื่นๆ หรือคำตอบที่ได้อาจช่วยให้คนสูงวัยจำนวนมากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นก็เป็นได้

ในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ศึกษาคนกลุ่ม 80 ปีขึ้นไปที่พิเศษเหล่านี้ โดยเรียกว่า “super-agers” (กลุ่มคนแก่พิเศษ) ซึ่งเป็นการศึกษาในทิศทางตรงกันข้ามกับที่มีอยู่มากมายในเรื่องโรค dementia (โรคสมองเสื่อม ซึ่งโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s) เป็นส่วนหนึ่งของโรคนี้) แท้จริงแล้วการศึกษาควรเป็นไปอย่างรอบด้าน

หนังสือพิมพ์ The New York Times ฉบับเมื่อปลายเดือน พ.ค.2024 ระบุว่า บทความตีพิมพ์เมื่อปลายเดือน เม.ย.2024 ในวารสารวิชาการ Journal of Neuroscience รายงานว่า “กลุ่มคนแก่พิเศษ” มีการฝ่อของสมอง (brain atrophy) น้อยกว่าคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน

งานวิจัยจากสเปนชิ้นนี้ทดลองกับคนในวัย 80 ปีขึ้นไปจำนวน 119 คน โดย 64 คนเป็น “กลุ่มคนแก่พิเศษ” และอีก 55 คนเป็นผู้ที่มีความจำเป็นปกติตามวัย

ทุกคนต้องผ่านการทดสอบในเรื่องความจำ การเคลื่อนไหว และทักษะในการพูด นอกจากนี้ทุกคนได้รับการสแกนสมอง เจาะเลือด ตอบคำถามเกี่ยวกับ แบบแผนการดำรงชีวิตและพฤติกรรม

งานวิจัยพบว่า “กลุ่มคนแก่พิเศษ” มีพื้นที่สมองในบริเวณที่เกี่ยวกับความจำเป็นพิเศษดังเช่นที่ hippocampus และ entorhinal cortex มากกว่าอีกกลุ่มหนึ่งอย่างชัดเจน

Dr.Bryan Strange แห่ง Polytechnic University of Madrid หัวหน้าโครงการวิจัย บอกว่า การที่ทั้งสองกลุ่มมีสัญญาณของการเป็นโรคอัลไซเมอร์ในอนาคตที่ต่ำมากจนสามารถตัดเรื่องโรคนี้ออกไป

การมีข้อแตกต่างกันในเรื่องความคิดและความจำและลักษณะของสมองที่แตกต่างกัน แสดงว่ามีการต่อต้านความเสื่อมของสมองตามอายุ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่าทุกคนมิได้มีสมองที่เสื่อมไปตามอายุ

นอกจากนี้ยังมีการรักษาความเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ในส่วนหน้าของสมอง ซึ่งเกี่ยวพันกับเรื่องความคิดและความจำไว้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ทั้งสองกลุ่มมีสัญญาณล่วงหน้าบ่งบอกการเป็นโรคอัลไซเมอร์น้อยมาก

ข้อค้นพบนี้ได้รับการยืนยันจากอีกงานศึกษาก่อนหน้างานวิจัยชิ้นนี้ที่ Northwestern University สหรัฐ ซึ่งพบว่า super-agers หรือ “คนสูงวัยกลุ่มพิเศษ” นั้นมีอยู่จริง

โดยสมองของคนกลุ่มนี้มีลักษณะคล้ายกับสมองของคนอายุ 50-60 ปี และเมื่อติดตามนานหลายปีก็พบว่าสมองของคนกลุ่มพิเศษมีความฝ่อในอัตราที่ช้ากว่าอัตราเฉลี่ยโดยทั่วไป

อย่างไรก็ดี ไม่มีตัวเลขชัดเจนว่ามี super-agers อยู่เป็นจำนวนเท่าใด แต่เชื่อว่าเป็นกลุ่มที่หาได้ยากมาก โดยมีอยู่ต่ำกว่า 10% ของคนวัย 80 ปีขึ้นไปทั่วโลก

คำถามที่อยู่ในใจของคนทั่วไปก็คือ ทำอย่างไรจึงจะเป็น super-agers เมื่อถึงวัยนั้น? ผู้เชี่ยวชาญในขณะนี้ไม่สามารถบอกได้อย่างชัดแจ้ง แต่งานศึกษาของสเปนของคนสองกลุ่มทำให้พอเห็นลักษณะของแบบแผนการดำรงชีวิตและพฤติกรรมที่แตกต่างกัน

กล่าวคือ super-agers มีสุขภาพกายดีกว่าเล็กน้อยโดยพิจารณาเรื่องความดันโลหิต และ glucose metabolism (กระบวนเผาผลาญน้ำตาลกลูโคส) และดีกว่าเล็กน้อยในเรื่องการเคลื่อนไหว กลุ่ม super-agers ไม่ออกกำลังกายมากกว่าแต่ในวัยกลางคนมีชีวิตที่คึกคักกว่า และมีสุขภาพจิตที่ดีกว่า

ในภาพรวม Dr.Strange ระบุว่าทั้งสองกลุ่มมีหลายสิ่งที่คล้ายกัน เช่น ในด้านอาหาร ชั่วโมงการนอน พื้นฐานอาชีพ ตลอดจนการสูบบุหรี่และบริโภคแอลกอฮอล์

บางส่วนของสมาชิกกลุ่ม super-agers ในการศึกษาของ Northwestern มีพฤติกรรมที่คล้ายกันอย่างน่าแปลกใจ บางคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ บางคนไม่เคยเลย บ้างกินอาหารที่ระวังสุขภาพเป็นพิเศษ บ้างก็กินอาหารสำเร็จรูปแช่เย็น และบางคนก็สูบบุหรี่ด้วย

อย่างไรก็ดีสิ่งที่เหมือนกันอย่างมากของ super-agers ในทั้งสองการศึกษาก็คือมีทางโน้มที่มีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีและเข้มแข็ง

ถึงจะไม่สามารถสรุปแบบฟันธงได้ว่าทำอย่างไรจึงจะเป็น super-agers แต่ผู้ศึกษาเห็นว่าโชคในเรื่องยีนอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีสมองที่มีลักษณะพิเศษ มีกลไกในระดับเซลล์ที่ทำงานต้านความฝ่อของสมองและทำให้บางส่วนของสมองใหญ่กว่าคนปกติโดยเปรียบเทียบซึ่งนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังไม่เข้าใจ

อย่างไรก็ดี ข้อสรุปสำคัญที่ได้ก็คือ super-agers โดยทั่วไปกินอาหารสุขภาพ สุขภาพกายดี ไม่มีสภาพเนือยนิ่ง เคลื่อนไหวร่างกายอย่างคึกคักอยู่เสมอ นอนเพียงพอ และมีความสัมพันธ์ทางสังคมที่เข้มแข็ง ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเป็น super-agers

“Life is about relationships.” (ชีวิตคือเรื่องของความสัมพันธ์) คำพูดเมื่อประมาณร้อยปีก่อนของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐ Theodore Roosevelt ดังปรากฏในซีรีส์ชุด “The First Lady”(2022) เตือนใจให้ผู้ที่คิดจะอยู่ถึง 80 กว่า เตรียมตัวสู่การเป็น super-agers ครับ