ม็อบด่วนขบวนไล่ 'อุ๊งอิ๊ง' ระวังแค่รวมพลฝ่ายแค้น?

ม็อบด่วนขบวนไล่ 'อุ๊งอิ๊ง' ระวังแค่รวมพลฝ่ายแค้น?

ไม่แน่ว่า ม็อบครั้งสุดท้าย ของ สนธิ ลิ้มทองกุล ขับไล่รัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตรจะเป็นปรากฏการณ์ เหมือนครั้งม็อบกลุ่มพันธมิตรฯ ขับไล่รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร  หรือไม่ และครั้งนั้น ยังนำมาสู่เหตุการณ์ “สนธิ” ถูก กลุ่มบุคคลนิรนามขับรถประกบยิงถล่มเสียดตายมาแล้ว

รวมทั้ง ยังมีคำถามจะเกิดได้หรือไม่? 

กรณีเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา “สนธิ” ประกาศ ผ่าน   ช่องยูทูบที่ใช้ชื่อว่าSondhitalk ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) โพสต์วิดีโอความยาว 4.53 นาที ชื่อ ‘3 เงื่อนไขของสนธิ ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 3’ เป็นส่วนหนึ่งของเวทีงาน ‘ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 3’ ซึ่ง “สนธิ” ประกาศว่า ในต้นปีหน้าจะทำกิจกรรม 3 เรื่อง ประกอบด้วย

1.การยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้โปรดกรุณาติดตามเรื่องราวที่ตนถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 ซึ่งยังหาคนร้ายไม่ได้ มีแต่หมายจับ ก็พอจะคาดเดากันว่าผู้อยู่เบื้องหลังเป็นใคร

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552 เวลาประมาณ 05.45 น. ขณะที่ “สนธิ” กำลังเดินทางโดยรถส่วนตัว โตโยต้า เวลไฟร์ ไปยังสถานีโทรทัศน์ ASTV เพื่อจัดรายการในตอนเช้าเหมือนปกติ ได้มีกลุ่มคนไม่ทราบจำนวน ขับรถ อีซูซุ ดีแมคซ์ 2 ประตู สีบรอนซ์ทอง ตามประกบ และได้ใช้อาวุธปืนยิงล้อรถของ “สนธิ” ทำให้ยางล้อแตก แล้วใช้อาวุธปืนเอเค 47 เอชเค 33 เอ็ม 16 และเครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 รัวยิงกระหน่ำเข้าไปในรถ แล้วขับรถหนีไปทางถนนเทเวศร์ เจ้าหน้าที่นับปลอกกระสุนปืนได้ 84นัด และลูกระเบิดเอ็ม 79 ขนาด 40 มม. ที่ยังไม่ระเบิด 1 นัด

เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ “สนธิ” ถูกกระสุนบริเวณคิ้ว, หน้าอก และแขน ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลวชิระแต่อาการไม่บาดเจ็บมากนัก ส่วนนายอดุลย์ แดงประดับ คนขับรถคันดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมิชชั่น เจ้าหน้าที่แจ้งว่า กล้องวงจรปิดเสีย ซึ่งในที่สุดก็ไม่สามารถจับกุมผู้บงการได้ (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

2.จะไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีว่า ทำไมจึงมีชาวเมียนมาเต็มเมือง มาอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายจำนวนมาก และขอให้ยืนยันว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท สำหรับแรงงานไทยเท่านั้น ส่วนค่าแรงของแรงงานเมียนมาได้เท่าเดิม

“เต็มไปหมดเลยทุกจังหวัด สมุทรปราการ มหาชัย เป็นเมืองเมียนมาไปแล้ว มีแม้กระทั่งโรงเรียนเมียนมา ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการหรือเปล่า ถ้าได้ ทำไมโรงเรียนเมียนมานี้ถึงไม่ให้ร้องเพลงชาติไทย ทำไมต้องให้ร้องเพลงชาติเมียนมา ร้องไปยังรมว.ศึกษาของพรรคภูมิใจไทย” สนธิกล่าว

ภายในประมาณไตรมาสแรกของปีหน้า จะปล่อยให้รัฐบาลทำงานสักพัก หากรัฐบาลทำอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทางหรือผิดจริยธรรม จะรวบรวมทั้งหมดเลย ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ควรจะอยู่ต่อไป

“เรื่องที่ 1-2 คือการซ้อมเดิน เรื่องที่ 3 คือการเดินจริง ผมบอกแล้วว่า ปลายทางเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายที่จะทิ้งไว้ให้สังคมไทย แต่การจัดการเดินนั้นจะเป็นการเดินครั้งสุดท้ายในชีวิตของผม” สนธิ กล่าว 

หากใครยังนึกไม่ออกว่า “ม็อบสนธิ” มีพลังขับเคลื่อนแค่ไหน อาจต้องย้อนไปศึกษา “ม็อบพันธมิตรฯ” เมื่อหลายปีก่อน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังขึ้นอยู่กับ “เงื่อนไข” ที่สุกงอม และเป็นประเด็นร่วมทางสังคมด้วย 

ต่างจากกรณีขับไล่รัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่หลายคนเชื่อว่า “ยาก” ที่จะสร้างปรากฏการณ์ผู้คนแห่เข้าร่วมเต็มท้องถนน ตราบใดที่ยังไม่มี “เงื่อนไข” ทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างชัดแจ้ง จนผู้คนส่วนใหญ่ทนไม่ไหว และนำไปสู่เงื่อนไขที่สุกงอม ซึ่งแกนนำม็อบทุกคนรู้และเข้าใจดีว่า อะไรคือ “เงื่อนไขสุกงอม”  

ไม่แปลกที่ นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน บุคคลในกลุ่มที่ใกล้ชิด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า จะออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก(4 ต.ค.67) แทบจะฟันธงว่า ทำอะไรรัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ไม่ได้ 

“ม็อบ จตุพร สนธิ ลิ้ม ทำอะไรรัฐบาลแพทองธารไม่ได้

แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถส่งมอบนโยบายได้เช่นกัน

สุดท้าย คนที่ซวยที่สุดคือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

(เพราะเป็นเงื่อนไขเดียวที่ม็อบจุดติด)

...

ถ้าจำกันได้สงกรานต์ เมษายน 2567 ในสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน

ทักษิณ ซึ่งกลับบ้านมาแบบไม่ติดคุก แม้แต่วันเดียว

กล้าประกาศออกมาว่า สงกรานต์หน้า เมษายน 2568

ยิ่งลักษณ์จะได้กลับมาเล่นน้ำสงกรานต์แล้ว

"ทักษิณ" แย้มปีหน้าควง "ยิ่งลักษณ์" ทำบุญสงกรานต์เมืองไทย

แต่หลังจากนั้นทักษิณก็ไม่พูดเรื่องนี้อีกเลย

และเศรษฐาต้องตกเก้าอี้ในเดือนสิงหาคม 2567

เมื่อมาถึงรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร

ม็อบจตุพร สนธิ ลิ้ม ก็เริ่มที่จะก่อตัวขึ้นมา

ในความเห็นผม

ม็อบทำอะไรรัฐบาลแพทองธารไม่ได้หรอกครับ

ในแง่เสถียรภาพ รัฐบาล

แต่ในแง่ของการออกนโยบายนั้น มีผลอย่างแน่นอน

อย่างน้อยนโยบายคาสิโน หรือ แลนด์บริดจ์ หรือนโยบายเรือธงอื่นๆ แม้จะปรับโครงสร้างอะไร

รัฐบาลแพทองธาร ไม่กล้าทำหรอกครับ

เพราะเป้าหมายสูงสุดไม่ใช่การส่งมอบนโยบาย

แต่คือการรักษาอายุรัฐบาลให้นานที่สุด

อย่าเพิ่งไล่! นายกฯอิ๊งค์ ไม่พร้อมมีเรื่อง ยินดีคุย 'สนธิ' หลังประกาศลงถนน

และสิ่งที่จะทำให้ ม็อบจตุพร สนธิ ลิ้ม จุดติดมีอย่างเดียวคือ

ยิ่งลักษณ์จะกลับบ้านแบบไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวเหมือนทักษิณ

และเพื่อไม่ให้มีการสร้างเงื่อนไขตามมา

เรื่องยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ถูกเก็บเข้าลิ้นชัก”

ขณะเดียวกัน ในช่วงเวลาที่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร เข้ามาเป็น “นายกรัฐมนตรี” ไม่กี่เดือน ถือว่ามีเสียงสะท้อนไปในทางที่ดี มากกว่าเสีย 

เริ่มจาก “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่า เป็นพี่เลี้ยงของ น.ส.แพทองธาร ว่า ไม่ได้เป็นพี่เลี้ยง แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา นายกฯมีศักยภาพที่เหมาะสม ช่วงที่เข้ามาทำงานไม่กี่เดือนต้องรับเรื่องหนักเรื่องใหญ่ ท่านก็รับมือได้เป็นอย่างดี

ตนคิดว่าเราต้องมีความเชื่อมั่นในนายกรัฐมนตรีของเรา หากเรามัวแต่คิดว่าท่านไม่มีความสามารถต่างๆนาๆ มันจะบั่นทอนความเชื่อมั่นของประเทศ ตนคิดว่าต้องให้เวลาท่าน ทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ก็ได้พิสูจน์ความสามารถและศักยภาพในการเป็นผู้นำ ก็ลองดูต่อไป ยืนยันว่าท่านเป็นตัวของตัวเอง อย่าไปคิดว่าใครจะเป็นพี่เลี้ยงใคร ตนมิบังอาจ

ส่วนถ้าให้คะแนนการทำงานของนายกฯอุ๊งอิ๊ง “ภูมิธรรม” กล่าวว่า สำหรับตน ตอนนี้ก็ถือว่าดีเลิศ

นั่นอาจถูกมองว่า “ภูมิธรรม” เป็นคนใกล้ชิด “ทักษิณ” ก็ต้องอวย “ลูกสาวทักษิณ” เป็นธรรมดา 

แต่ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่ออกมาเผย ผลการสำรวจประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 3/2567” ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 16-23 กันยายน 2567 

ปรากฏว่า เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 31.35 ระบุว่า “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีความเป็นผู้นำ และมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อันดับ 2 ร้อยละ 23.50 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3 ร้อยละ 22.90 ระบุว่า “เท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ มีแนวคิด และทัศนคติที่ดี อันดับ 4 ร้อยละ 8.65 ระบุว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ เป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์ด้านการบริหาร อันดับ 5 ร้อยละ 4.80 ระบุ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ มีความสามารถและประสบการณ์ในการบริหาร รวมถึงมีจุดยืนในการต่อต้านอำนาจเผด็จการทุกรูปแบบ อันดับ 6 ร้อยละ 4.00 ระบุ นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีความเป็นกันเอง ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์สุจริต และมีจุดยืนในการทำงานที่ชัดเจน อันดับ 7 ร้อยละ 1.15 ระบุ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) เพราะมีความเด็ดขาด และมีประสบการณ์ทางการเมือง ร้อยละ 2.80 ระบุอื่น ๆ...

แสดงให้เห็นว่า มีกระแสขานรับนำโด่ง ทั้งในฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน แม้แต่คู่แข่ง อย่าง หัวหน้าพรรคประชาชน  

เท่านั้นไม่พอ นิตยสารไทม์ (Time) ประกาศรายชื่อ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต(3 ต.ค.67) ซึ่งแบ่งเป็น 5 หมวดหมู่ ได้แก่ ศิลปิน (Artists) ผู้สร้างปรากฏการณ์ (Phenoms) ผู้สร้างนวัตกรรม (Innovators) ผู้นำ (Leaders) และผู้ให้การสนับสนุน (Advocates) โดยในปีนี้ มีชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ติดอันดับในประเภทผู้นำ (Leaders)

“ไทม์” เขียนถึง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธารว่า เธอได้สร้างประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ไม่กี่วันก่อนวันเกิดปีที่ 38 ของเธอ ด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย และเป็นนายกรัฐมนตรีผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดในเอเชียที่เคยมีมา

การขึ้นตำแหน่งของเธอ ไม่เป็นเรื่องน่าตกใจนัก เธอเป็นบุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไทยในปี 2544 และถูกรัฐประหารในอีก 5 ปีต่อมา กระนั้นยังมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นลุงและอา ที่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในประเทศไทย แต่ถูกแทรกแซงโดยตุลาการและทหาร

น.ส.แพทองธาร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากศาลรัฐธรรมนูญไทย ได้มีคำตัดสินให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “ประเทศไทย จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง” น.ส.แพทองธาร บอกกับไทม์ เมื่อปีก่อน...

ที่สำคัญ นโยบาย “เรือธง” ของพรรคเพื่อไทย อย่าง แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท แม้ว่า จะมีการปรับรูปแบบการจ่ายเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็น “เงินสด” โดยกลุ่มที่ได้รับกลุ่มแรก คือ กลุ่มเปราะบาง คนที่มี “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” และ ผู้พิการ แต่กลับกลายเป็นว่า มีเสียงขานรับทั้งจากผู้ที่ได้รับเงิน และผู้ที่เห็นด้วยจำนวนมาก รวมทั้งยังจะมีเฟส 2 ตามมา 

ปัญหาเดียว ของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ในเวลานี้คือ ความเป็น “ลูกสาวทักษิณ” ที่ต้องมารับมรดกความขัดแย้ง “ความแค้น” จากหลายคนแทน “พ่อ” และอาจถูกโยงทางการเมือง การบริหารประเทศในฐานะ “นายกรัฐมนตรี” 

เมื่อเป็นเช่นนี้ การขับไล่รัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ด้วยเหตุผลในอดีต และด้วยมรดกความแค้น ถือว่า ยากที่จะเป็นประเด็นร่วมในสังคม และล้มรัฐบาลได้  

ตรงข้าม ใครก็ตามที่ “ปลุกม็อบ” ไล่รัฐบาล “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ไม่มีเงื่อนไขที่สังคมสุดทน สุกงอม ก็พึงระวังเอาไว้ให้ดีด้วยเช่นกัน ว่า “ม็อบ” ที่ปลุกขึ้น จะเป็นได้อย่างดีก็แค่ “รวมพลคนแค้นทักษิณ” ขับไล่ “อุ๊งอิ๊ง” ใครเขาจะร่วมด้วยก็ลองคิดดู!?