สอนลูกสอนโลก (2)

สอนลูกสอนโลก (2)

การส่งต่อภูมิปัญญาความรู้และข้อคิดต่างๆ ให้คนรุ่นใหม่ถือเป็นเรื่องสำคัญที่นอกจากจะเป็นการถ่ายทอดแนวคิดจากรุ่นสู่รุ่นแล้ว ยังเป็นการทำให้เวลาปัจจุบันมีความหมายมากที่สุด

เพราะแก่นแท้ที่ผู้มากประสบการณ์หลายๆ คนต้องการไม่ใช่แค่การมีอายุยืนยาว แต่เป็นการมีชีวิตที่มีค่าและสร้างประโยชน์ให้กับคนรุ่นหลังได้มากที่สุด

โดยเฉพาะคนที่ผ่านประสบการณ์ด้านลบมาก่อนย่อมเคยเห็นว่าในวันที่ลมกระโชกอย่างรุนแรง

มีฝนตกอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่หลังพายุผ่านพ้นไปแล้วย่อมมีวันฟ้าใสรอคอยอยู่เสมอ อุปสรรคที่หลายคนกำลังพบเจอจึงเป็นเพียงเส้นทางหนึ่งที่เราต้องก้าวผ่านไปให้ได้เท่านั้น

ที่จำเป็นต้องเข้าใจก็คือคนที่อาจก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปสู่ความสำเร็จได้ก่อนเราอาจไม่ใช่คนที่เรียนสูงกว่าเรา บางคนอาจเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เรียนเก่งกว่าเรา เพราะการเรียนดีเรียนเก่งไม่ได้หมายความว่า เรามีสิทธิ์ที่จะประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนอื่น

แต่ในเวลาเดียวกันถ้าเราไม่ได้ตั้งใจเรียนหนังสือ ไม่ขวนขวายหาความรู้ใหม่ ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะประสบความสำเร็จขึ้นมาได้ เพราะทุกสิ่งที่เราเรียนรู้ในวันนี้เกิดจากการรวบรวมความรู้ในอดีต

เพื่อถ่ายทอดให้เราได้เรียนรู้ในปัจจุบันแล้วหวังให้เรานำไปใช้ในอนาคต การเรียนรู้จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด

เพื่อทำให้เราพัฒนาตัวเองไปสู่อนาคตเสมอ

เราจึงควรมีความสุขจากการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และมีความสุขจากการได้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีพัฒนาการที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในทุกวันนี้จะบีบให้คนที่อยู่รอดได้ต้องหมั่นเรียนรู้และเข้าใจกลไกของการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุดเท่านั้น

ด้วยสภาพสังคมและความเป็นอยู่ในยุคปัจจุบันคนรุ่นเก่าจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะได้การดูแลจากลูกหลานที่เป็นคนรุ่นใหม่ หวังเพียงว่าพวกเขาจะมีอนาคตที่ดีซึ่งทั้งหมดนั้นจะได้จากการซึมซับเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการคิดเชิงบวก รวมถึงหลักคิดอีก 12 ข้อที่อยากฝากไว้ให้เป็นมรดกทางความคิด

เริ่มจากข้อแรกคือ อ่อมน้อมถ่อมตน ไม่ทะนงตนหยิ่งยโส นั่นคือต้องรู้จักถ่อมตัว รับฟังคนรอบข้าง ไม่ทำตัวว่าเก่งกว่า สูงกว่า หรือดูถูกผู้อื่น เพราะนั่นคือการปิดการรับรู้และโอกาสในการเรียนรู้จากผู้อื่น  อย่าลืมว่าคนที่เดินสวนกับเรา 3 คน อาจมี 1 คนที่เป็นอาจารย์ให้ความรู้ใหม่ ๆ กับเราได้

ข้อสอง ขยันหมั่นเพียรโดยไม่ย่อท้อ เพราะทุกอย่างต้องจ่ายด้วยความพยายาม และฝ่าฟันอุปสรรค  จึงจะได้รับความสำเร็จ อย่าเห็นแก่อะไรที่ได้มาง่าย ๆ หรือดูเหมือนได้มาฟรี ๆ เพราะมันมักมีต้นทุนแฝงที่เรามองไม่เห็นอยู่เสมอ

ข้อสาม ต้องรู้จักบริหารจัดการอารมณ์อย่างเหมาะสม นั่นคือต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) รู้จักอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีความสุข มีความยืดหยุ่นและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้ดี และที่สำคัญที่สุดคือรับรู้อารมณ์ของตัวเองว่าเป็นอย่างไร

ข้อสี่ เมื่อรับรู้อารมณ์ตัวเองเป็นอย่างดีแล้ว ก็ต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจด้วยสติปัญญา และด้วยความสามารถควบคุมตนเอง (self-restraint) ควบคุมความคิด และความรู้สึกของตนเอง ด้วยการใช้เหตุผล และความสามารถของตัวเอง เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เช่น คิดว่าเล่นการพนันแล้วน่าจะรวยเร็ว สุดท้ายแล้วก็คือหายนะ

ยังคงเหลืออีก 8 ข้อ ต้องขอให้ติดตามต่อไปในสัปดาห์หน้าเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหาครับ...