เม็กซิโก ทำเลยุทธศาสตร์ ที่ ไทย ควรเข้าไปลงทุน

เม็กซิโกตั้งอยู่ในภูมิภาคเดียวกับสหรัฐและแคนาดา มีชายฝั่งทั้งมหาสมุทรแอตแลนติกและแปซิฟิก การที่นักธุรกิจไทยจะใช้ประโยชน์จากทำเลสำคัญนี้ได้มากน้อยแค่ไหนจำเป็นต้องได้ภาครัฐนำ โดยภาคเอกชนอย่างหอการค้าเม็กซิกัน-ไทย พร้อมเป็นตัวเสริม 

เพ็ญศิริ ดิษยเดช ประธานหอการค้าเม็กซิกัน-ไทย เล่าถึงโอกาสด้านการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตและส่งออก ส่วนเม็กซิโกมีศักยภาพในการสั่งซื้อ 

“จีดีพีเขามากกว่าเรา 2.5 เท่า มีกำลังซื้อสูง เม็กซิโกขยับจากประเทศอุตสาหกรรมเบามาเป็นอุตสาหกรรมหนักแล้ว อย่างอุตสาหกรรมเสื้อผ้านี่เขาไม่ทำแล้ว ไทยจึงมีโอกาสขาย/ส่งออกให้มากขึ้น”

ประธานหอฯ กล่าวอีกว่า ไทยส่งออกไปสหรัฐมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก เม็กซิโกก็อยู่ติดกัน ประชากร 120 ล้านคน แทนที่จะไปโฟกัสอยู่ที่สหรัฐอย่างเดียว ไทยควรหันไปค้าขายกับเม็กซิโกให้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ฆอร์เค่ เชน ชาร์เปนเตียร์ (H.E.Jorge Chen Charpentier) อดีตเอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำประเทศไทย จึงตั้งหอการค้าเม็กซิกัน-ไทยขึ้นเมื่อหกปีก่อนเพื่อค้าขายกันให้ได้มากกว่าเดิมเพราะที่ทำอยู่นั้นน้อยเกินไป  

เพ็ญศิริกล่าวต่อว่า ไทยส่งออกชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ไปให้ผู้ผลิตรถยนต์ในเม็กซิโกอยู่แล้ว แต่เป็นการส่งออกโดยโรงงานญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย

“อุตสาหกรรมของเราเป็นการนำเข้ามาแล้ว repacking ไม่ใช่การผลิตจากวัตถุดิบพื้นฐานในประเทศ ถ้าเราผลิตสินค้าแข่งกับจีนและเวียดนามได้ ตลาด USMCA (สหรัฐ แคนาดา เม็กซิโก) นี่มหาศาล สหรัฐประชากร 350 ล้านคน เม็กซิโก 120 ล้านคน แคนาดา 60 กว่าล้าน รวมกันเป็น 500 ล้านเอาแค่นี้พอแล้ว ถ้าคนไทยอัพเกรดขึ้นมาอีกสถานะหนึ่งเข้าไปร่วมทุนในเม็กซิโก หรือลงทุนผลิตที่นี่ไปแพ็กที่โน่นขายที่โน่น โอกาสมีสูง แน่นอนว่าคู่แข่งหลักคือจีน แต่ตอนนี้จีนอยู่ในภาวะถดถอยหลังโควิด เพราะฉะนั้นผู้นำชาติต้องมียุทธศาสตร์ หน่วยงานหลักอย่าง BOI สภาพัฒน์ กระทรวงอุตฯ พาณิชย์ ต่างประเทศต้องเห็นพ้องกัน หยิบภูมิภาคขึ้นมาให้ชัดเจน ตอนนี้เหมือนเหวี่ยงแห และถ้ากระทรวงไม่นำทัพเอกชนก็ไปยาก ตอนนี้ผู้นำประเทศต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ไม่ใช่รอแค่นักท่องเที่ยวอย่างเดียว ตอนนี้ต่อให้เปิดประเทศเศรษฐกิจไทยก็ยังไม่ฟื้นต้องรออีกสองปี” ประธานหอฯ ให้ความเห็น 

 นับจากนี้หอการค้าเม็กซิกัน-ไทยจะทำยุทธศาสตร์ร่วมกับหอการค้าไทย ผลักดันตลาด USMCA  ไม่ต้องมารอจีเอสพีที่สหรัฐให้ประเทศโลกที่ 3 ซึ่งเพ็ญศิริตั้งข้อสังเกตถึงความสำคัญของเม็กซิโก  เช่น แอร์บัสเข้าไปลงทุนที่นั่น 10 บริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ก็อยู่ในเม็กซิโก เธอมองว่า นักลงทุนไทยควรเข้าไปลงทุนเพื่อเอาตลาดมาตั้งนานแล้ว

 ขณะที่สถิติการค้าจากสถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโก พบว่า การค้าระหว่างกันในปี 2563 มีมูลค่ารวม 5,641 ล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออกไปเม็กซิโก 5,327 ล้านดอลลาร์ และเม็กซิโกส่งออกมาไทย 314 ล้านดอลลาร์ ไทยได้เปรียบดุลการค้า 5,012 ล้านดอลลาร์

ไม่เพียงเท่านั้นการค้าระหว่างไทยและเม็กซิโกมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะระหว่างปี 2558-2561 การค้าระหว่างกันเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 9.15% และปี 2561 เป็นปีที่มียอดการค้ารวมสูงสุดแตะระดับ 6,734 ล้านดอลลาร์

สำหรับประเทศเม็กซิโกนั้น ไทยเป็นประเทศคู่ค้าที่มีความสำคัญอันดับ 14 และในภูมิภาคอาเซียนมีมูลค่าการค้าเป็นรองเพียงแค่มาเลเซียและเวียดนาม ส่วนการนำเข้าของเม็กซิโกจากประเทศต่างๆ นำเข้าจากไทยเป็นอันดับ 11 ของโลก มากกว่าที่นำเข้าจากประเทศอุตสาหกรรมสำคัญๆ เช่น อิตาลี อินเดีย สเปน ฝรั่งเสส เนเธอร์แลนด์ และอังกฤษด้วยซ้ำไป สินค้าที่แลกเปลี่ยนกันส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม (80%) เช่น ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ รถยนต์ส่วนบุคคล ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

เห็นข้อมูลแบบนี้สอดคล้องกับความเห็นของประธานหอการค้าเม็กซิกัน-ไทย 

“อยากให้มองเม็กซิโกเสียใหม่เพราะเขาเป็นที่ 1 ของละตินอเมริกา”