วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (11 พ.ค. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังจีนยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง
- ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับลดลง แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังความต้องการใช้น้ำมันในจีน ซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก มีแนวโน้มอ่อนตัวลงหลังยังคงเดินหน้าใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้ ภายใต้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ส่งผลให้ธุรกิจปิดทำการและไร้นักท่องเที่ยว ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้น ทำให้น้ำมันราคาสูงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับผู้ซื้อที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
-/+ ตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่สหภาพยุโรป (EU) ชะลอการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียอย่างเป็นทางการเนื่องจากจำเป็นต้องได้รับมติเอกฉันท์จากสมาชิกทั้งหมด 27 ประเทศ อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายประเทศสมาชิกที่ต่อต้านการคว่ำบาตรนี้ ขณะที่ทางกลุ่ม G7 ให้คำมั่นในความพยายามคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยล่าสุดญี่ปุ่นประกาศร่วมมาตรการคว่ำบาตรแล้ว ตามสหรัฐฯ อังกฤษ และแคนาดา ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ เหลือเพียงเยอรมนีอิตาลี และฝรั่งเศสที่ยังอยู่ในช่วงพิจารณา
- หลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 6 พ.ค. 65 ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลดลง 5 แสนบาร์เรล ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับเพิ่มขึ้น 8.2 แสนบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคักจากการย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังเวียดนาม อีกทั้งได้รับแรงหนุนหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในอินเดีย
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลของอินเดียที่ปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมี.ค. 65 ขณะที่อุปสงค์ในเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในระดับสูงหลังจากการเปิดประเทศ