Sideway หุ้นรายงานพิเศษ SCM (2 มิ.ย. 65)
วันพุธที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ราว -4 ถึง -5 จุด ดัชนีย่อตัวหลังจากปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญยังเป็นเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
การทำ QT และราคาน้ำมันที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กดดันต่อสถานการณ์เงินเฟ้อ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,660.01 จุด -3.40 จุด -0.20% มูลค่าการซื้อขาย 70,483 ลบ. ต่างชาติ -1,465.06 ลบ. TFEX +13,948 สัญญา ตราสารหนี้ -2,207.90 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ +0.5% ปิดที่ 115.26 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับข่าวสหภาพยุโรป (EU) ลงมติระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นครเซี่ยงไฮ้ของจีนยุติมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้น้ำมัน
+ ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.1 ในเดือนพ.ค. สวนทางที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะร่วงลงสู่ระดับ 54.5 จากระดับ 55.4 ในเดือนเม.ย. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งซึ่งส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่ดีดตัวขึ้น
+ ญี่ปุ่นประกาศรับนักเดินทางขาเข้าเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 20,000 คนต่อวัน และอนุญาตให้นักเดินทางส่วนใหญ่ไม่ต้องทดสอบเชื้อไวรัสโควิด-19 และไม่ต้องกักตัว
+ กกร.แนะรัฐเร่งประกาศโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นให้เร็วที่สุด สร้างความมั่นใจประชาชน ท่องเที่ยวรับอานิสงส์ฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนเศรษฐกิจช่วงที่เหลือของปีนี้โตตามเป้า 2.5-4% จับตาสงคราม-น้ำมัน-เงินเฟ้อ
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 2,560 ราย ATK 4,387 ราย มีผู้เสียชีวิต 34 ราย รักษาหาย 5,605 ราย
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 176.89 จุด -0.54% ร่วงลงติดต่อกันวันที่ 2 และปิดที่ระดับต่ำกว่า 33,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 57.0 ในเดือนพ.ค.ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 57.5 จากระดับ 59.2 ในเดือนเม.ย.
- WHO ตั้งเป้าควบคุมการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิง (Monkeypox) ด้วยการยับยั้งการแพร่เชื้อในมนุษย์ให้ได้มากที่สุด พร้อมเตือนว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในยุโรป และพื้นที่อื่นๆ ในช่วงฤดูร้อนนี้
- สหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 455,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 11.4 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
- สหรัฐรายงานการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.
- ธปท. เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าพบว่าความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกทั้งภาวะปัจจุบัน และในระยะ 3 เดือนข้างหน้าปรับลดลงจากภาวะค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้นซ้ำเติมกาลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังอ่อนแอ และมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากภาครัฐทยอยหมดลง ซึ่งกดดันการฟื้นตัวของธุรกิจค้าปลีก
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยความกังวลที่ว่าเฟด เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยยังคงอยู่ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทรงตัวในระดับสูงช่วยพยุงหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีในวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,650-1,670 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• เปิดประเทศ 1 มิ.ย. : AOT AAV BA BEM ERW CENTEL MINT AWC ASAP
• FTSE ประกาศหุ้นเข้า/ออก มีผลวันที่ 17 มิ.ย. FTSE All World Index : เข้า – ออก - , Micro Cap Index เข้า BRI CIVIL HENG KTBSTMR PEACE SVT TKC TFM WFX ออก –
• หุ้นส่งออกเดือน เม.ย. ที่ขยายตัวได้ดี : TWPC BRR KSL TU ASIAN KCE PDJ INOX
• กม. PDPA มีผลบังคับใช้ : HUMAN SECURE ITEL IIG INSET
หุ้นรายงานพิเศษ
SCM - "มุมมองบวก"
•รายงานกำไร 1Q65 ที่ 36.3 ลบ. +1.2%YoY -51%QoQ จากช่วงไฮซีซั่นใน 4Q64 %GP ปรับดีขึ้น แม้รายได้หดตัว -5%YoY แต่อัตรากำไรขั้นต้นปรับดีขึ้นมากจาก 72.1% ใน 1Q64 เป็น 77.8% จากสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงในกลุ่มสินค้าเพื่อการเกษตรมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และอัตรากำไรสุทธิ 12.9% ดีขึ้นจาก 1Q64 ที่ระดับ 12.2% ต้นทุนลดลงจากการปรับกิจกรรมการตลาดสู่รูปแบบออนไลน์ที่ประหยัดคชจ.และเข้าถึงผู้บริโภคได้ดี
•ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายเติบโตปีนี้ 20% โดยมี key driver จาก 1. เพิ่มฐานสมาชิกเดือนละ 5,000 คนซึ่งคาดจะมีสมาชิก 200,000 คนในช่วงสิ้นปี 2. เพิ่ม %activeในการซื้อสินค้าจาก 13% เป็น 15% โดยมุ่งเป้าที่สินค้าอาหารเสริมและสินค้าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรโดยตั้งเป้าเติบโตจากสินค้ากลุ่มนี้ 50% 3. รับผลิตสินค้าอาหารเสริมสุขภาพแบบ OEM 4. ธุรกิจลีสซิ่ง คาดจะเริ่มบริการ 3Q65 ต่อยอดจากฐานสมาชิก
ความเห็น: มีมุมมองบวกต่อผลประกอบการปี 65 เนื่องจากรายได้หลักของ SCM อยู่ที่สินค้าอาหารเสริมสุขภาพโดยมีสัดส่วนในโครงสร้างรายได้ถึง 59% จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น และโอกาสเติบโตในธุรกิจใหม่ ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E 19.5x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 35x
หุ้นมีข่าว
(+) TRUE (Bloomberg consensus 5.70 บาท) ยอมขายบิ๊กล็อตหน่วยลงทุน DIF จานวน 300 ล้านหน่วย ราคาต่ำ 13.30 บาทรับเงิน 3,990 ล้านบาท เสริมสภาพคล่อง เปิดงบการเงินหนี้หมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนถึง 6.4 หมื่นล้านบาท มีหนี้ก้อนใหญ่ต้องชำระปีนี้ 5.9 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SAMART (Bloomberg consensus - บาท) SAMART มั่นใจทุกธุรกิจฟื้นตัวดี ดันรายได้รวมปีนี้ทะลุ 1.4 หมื่นล้านบาท ชู SAMTEL เด่นทยอยส่งมอบงานต่อเนื่อง ขณะที่ตั้งเป้าคว้างานประมูลปีนี้ 1.1 หมื่นล้านบาท เติมงานในมือเพิ่มจากปัจจุบันมีอยู่ 8 พันล้านบาท ส่วน SDC คาดปี 2566 ผลงานพลิกบวก เล็งตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการลงทุนใน DTRS จ่อยื่นไฟลิ่งดัน SAV เข้าตลาด พร้อมศึกษาออก NFT (ที่มา ทันหุ้น)
(+) VCOM (Bloomberg consensus 7.50 บาท) ดีมานด์ไอทีต่างแดนแน่น ชี้ผลงานกัมพูชาครึ่งปีแรกมีลุ้นโตก้าวกระโดด ปักหมุดรับทรัพย์ปีนี้ 400-500 ล้านบาท ตุนงานรอส่งมอบอื้อ จับตางบประมาณครึ่งปีหลัง คาดรัฐ-เอกชนจ่อลงทุนเพียบ มองภาพรายได้ฉลุย ลุยเซอร์วิส อัพมาร์จิ้น พองโต (ที่มา ทันหุ้น)
(+) AH (Bloomberg consensus 28.00 บาท) แย้มผลงานอลังการไตรมาส 2 ออเดอร์ไหลบ่า-มีโมเดลใหม่หนุน มั่นใจปีนี้โตแรง 30% รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว ส่วนราชกิจจานุเบกษา มาตรการลดภาษีอีวี พร้อมเงินอุดหนุน ช่วยดันงานอีวีเข้าอีก (ที่มา ทันหุ้น)