เข็นมาตรการช่วยกลุ่มเปราะบางต่อเนื่อง
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ระบุ ได้หารือกับหน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อพิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจของประชาชน
โดยรัฐบาลจะเร่งการออกชุดมาตรการดูแลเศรษฐกิจให้ทันช่วงก่อนที่มาตรการเดิมจะหมดอายุในวันที่ 30 มิถุนายน นี้ เพื่อให้การดูแลประชาชนเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
สำหรับมาตรการใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ มาตรการดูแลราคาดีเซล ซึ่งจะพิจารณาการนำค่าการกลั่น และการเก็บเงินหน้าโรงแยกก๊าซเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะมีการตรึงราคาดีเซลที่ลิตรละ 35 บาท จนกว่าจะมีมาตรการใหม่ออกมาส่วนมาตรการที่ยังคงดำเนินการต่อคือ มาตรการช่วยเหลือครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง
“ประเด็นที่ได้มีการหารือคือ มาตรการในช่วงต่อไปจะเป็นอย่างไร สถานการณ์ที่พิจารณากันอยู่นี้มันยืดเยื้อไปมากแค่ไหน และผลกระทบในระดับโลกเป็นอย่างไร จะมาถึงอย่างไร การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่สูงขึ้นยังเติบโตอยู่ได้ยืนยันอย่างมั่นใจใช่หรือไม่ และตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับที่เป็นไปตามประมาณการกันไว้อย่างไร หากต้องให้มีการดำเนินการเหล่านี้สำเร็จไปได้ด้วยดี ต้องมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่”
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังพิจารณา โดยหากจำเป็นก็ต้องทำต่อเนื่อง ส่วนที่กระทรวงการคลังบอกว่าไม่มีโครงการคนละครึ่งก็ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะอาจไม่ได้ใช้ชื่อมาตรการเดิมก็เป็นได้
“เสถียรภาพการเงินการคลังยังแข็งแรง ตอนนี้ไม่ได้บอกว่าต้องกู้เงินเพิ่ม แต่หากพิจารณาแล้วจำเป็นรัฐบาลก็จะไม่ลังเลที่จะกู้เงินมาใช้ดูแลเศรษฐกิจและประชาชน ขณะนี้หนี้สาธารณะอยู่ที่ 60.1% ยังไม่ชนเพดานแต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะกู้เงิน แต่หากจำเป็นจะดำเนินการ เพราะบางช่วงเวลาต้องคิดเรื่องการรักษาให้ประเทศชาติรอด เหมือนช่วงโควิด-19 ที่รัฐบาลตัดสินใจกู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท”
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์