ทำไม ‘แบรนด์หรู’ แห่สปอนเซอร์ การแข่งขันกีฬาระดับโลก
เปิดเหตุผลที่แบรนด์หรูพากันเป็นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขัน “ฟอร์มูลาวัน” และบาสเกตบอล “NBA”
โลกของแฟชั่นและวงการกีฬานั้นมีความใกล้ชิดกันเสมอมา แบรนด์เสื้อผ้าต่าง ๆ โดยเฉพาะเสื้อผ้าแนวกีฬา มักนิยมใช้นักกีฬาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ตลอดจนเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขัน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มสินค้าแบรนด์เนม และลักชัวรี แบรนด์ต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญกับวงการกีฬามากยิ่งขึ้น
การแข่งขันฟอร์มูลาวัน “Formula 1 Grand Prix de Monaco 2022” ซึ่งเป็นสนามที่ 7 ของการแข่งขัน ฟอร์มูลาวันชิงแชมป์โลก 2022 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่โมนาโก แบรนด์ลักชัวรีต่าง ๆ พากันตบเท้ากันเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานไม่ว่าจะเป็น "Louis Vuitton" แบรนด์เครื่องหนังชั้นนำของโลก หรือ นาฬิกาหรูอย่าง "Tag Heuer" และ "Rolex"
Louis Vuitton ได้จัดเลานจ์สุดหรูที่สามารถมองออกไปเห็นสนามแข่งไว้รองรับเหล่าคนดัง ลูกค้า และนักข่าวที่ได้รับเชิญจากแบรนด์ให้เข้าร่วมชมการแข่งกันไม่ว่าจะเป็น แพททริก เดมป์ซีย์ นักแสดงชื่อดัง และนักแข่งรถในตำนานอย่าง อาแล็ง พร็อสต์ และ มาร์ค เว็บเบอร์
ภายในเลาจ์ของ Louis Vuitton ถูกตกแต่งประดับประดาไปด้วยโต๊ะกาแฟของ Louis Vuitton และเครื่องเรือนที่ยกมาจากร้าน Louis Vuitton Maison Vendôme อีกทั้ง Louis Vuitton ยังผลิตเคสใส่ถ้วยรางวัลกรังด์ปรีซ์สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย โดยสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นโอกาสช่วยสร้างแบรนดิ้งให้แก่แบรนด์หรูนี้
ในโอกาสดังกล่าว Louis Vuitton ได้เชิญลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายสูงสุดจากสหรัฐ และประเทศต่าง ๆ ในยุโรป รวมถึงจากจีนที่อาศัยอยู่ในอเมริกาเหนือในปัจจุบัน เนื่องจากข้อจำกัดด้านการเดินทางของจีน เพื่อสร้างความบันเทิงให้พวกเหล่าลูกค้าและช่วยให้ได้สัมผัสกับกรังด์ปรีซ์อย่างดาราดังระดับโลก
ขณะที่ Tag Heuer เช่าเรือสำราญเพื่อจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในช่วงสุดสัปดาห์ โดยมีเดมป์ซีย์ และแบรนด์ แอมบาสเดอร์คนใหม่ล่าสุดของแบรนด์อย่าง เจค็อบ เอลอร์ดี นักแสดงชื่อดังจากซีรีส์สุดฮอต Euphoria นอกจากนี้ยังมีเซเลบริตี้มาร่วมงานด้วย ไม่ว่าจะเป็น นาโอมิ แคมป์เบลล์, ไฮดี คลุม, ซีโมน แอชลีย์, คิต แฮริงตัน รวมถึงสมาชิกราชวงศ์ของโมนาโกก็ร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ด้วย
“หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้แบรนด์หรูหันมาสนใจวงการกีฬามากยิ่งขึ้น เป็นเพราะต้องการเข้าถึงชุมชนแฟน ๆ กีฬาที่มีส่วนร่วมเป็นอย่างมาก” แอร์วี โบดิเนียร์ ที่ปรึกษาด้านการตลาดการกีฬากล่าว และเผยว่า แบรนด์รู้อยู่แล้วว่าจะต้องใช้เงินและเวลาเท่าใด เพื่อเข้าถึงผู้บริโภครายใหม่ โดยเฉพาะในกีฬาที่แบรนด์พอมีฐานแฟนคลับอยู่แล้ว ดังนั้น หากพบคนที่หลงใหลเกี่ยวกับกีฬาแข่งรถ ฟุตบอล หรือรักบี้ ก็สามารถสื่อสารกับพวกเขาได้ทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Louis Vuitton สามารถเข้าถึงกลุ่มแฟนกีฬาด้วยการผลิตกระเป๋าสุดพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองให้กับนักกีฬาและความสำเร็จของพวกเขา ซึ่งนอกจาก Louis Vuitton จะทำเคสสำหรับใส่ถ้วยรางวัลกรังด์ปรีซ์แล้ว ยังเป็นพันธมิตรกับการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ เช่น NBA ลีกบาสเกตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก, สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า (FIFA) และ Rugby World Cup 2023 เพื่อจัดทำกล่องใส่ถ้วยรางวัล
สำหรับ NBA นั้น Louis Vuitton ไม่ได้ผลิตเพียงแค่กล่องใส่ถ้วยรางวัลให้ทำนั้น แต่ยังได้ออกคอลเล็คชันเสื้อผ้าและเครื่องประดับสุดพิเศษร่วมกับ NBA อีกด้วย
ขณะที่ ไมเคิล เบิร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Louis Vuitton กล่าวว่า “เราสนับสนุนกีฬาต่าง ๆ มากว่า 50 ปีแล้ว แรกเริ่มมันไม่ใช่เรื่องการตลาด ตอนที่เราร่วมมือกับการแข่งขัน America’s Cup มันเป็นความร่วมมือโดยไม่มีสปอนเซอร์ ไม่มีการขายสินค้า ไม่มีการประชาสัมพันธ์สินค้าทั้งนั้น
เราแค่สนับสนุนกีฬาที่ยอดเยี่ยมและแสดงถึงคุณค่าทั้งหมดของ Louis Vuitton เช่น การเดินทาง การข้ามมหาสมุทร ดังนั้นการเดินเรือจึงเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอของเราเสมอ”
“จากนั้น เราก็เข้าสู่กีฬาชนิดอื่น ฟุตบอล รักบี้ และเทนนิส ต่อด้วย การแข่งฟอร์มูลาวัน บาสเกตบอล และยังมีกีฬาอีกหลายประเภทที่จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นกีฬาชนิดใดก็ตามที่มีต้องอุทิศทั้งชีวิตเพื่อก้าวขึ้นสู่ความเป็นเลิศ และต้องเอาชนะความยากลำบาก เราพร้อมจะเข้าไปมีส่วนร่วม เพราะเราก็เกิดขึ้นมาจากความยากลำบากเช่นกัน”
อีกปัจจัยที่ทำให้การแข่งขันรถฟอร์มูลาวันกลายเป็นที่สนใจของแบรนด์ลักชัวรีนั้นเนื่องจาก ความสำเร็จของ Formula 1: Drive to Survive สารคดียอดนิยมของ Netflix ที่ทำให้นักแข่งรถอย่าง ชาร์ลส เลคเลิร์ค และ แดเนียล ริคชาร์โด กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
สำนักข่าว South China Morning Post สำรวจความเห็นของคนในวงการแข่งขัน ในระหว่างการแข่งขัน Formula 1 Grand Prix de Monaco 2022 เกี่ยวกับสารดีดังกล่าวนำเสนอภาพที่เกินจริงและไม่ตรงความจริงของวงการฟอร์มูลาวัน แต่พวกเขาก็ยอมรับว่าสารคดีนี้ทำให้คนรู้จักกีฬาชนิดมากขึ้น และช่วยให้คนเข้าถึงการแข่งขันฟอร์มูลาวัน
ส่วน มาร์ก เว็บเบอร์ ผู้ชนะรายการแข่งขัน Formula One Grand Prix ถึง 9 ครั้ง กล่าวว่า สารคดีดังกล่าวช่วยดึงดูดกลุ่มผู้ชมใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงและคนรุ่นใหม่ “ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทอย่างมากับคนรุ่นใหม่”
“แบรนด์อย่าง Rolex และ Tag Heuer เข้ามาตั้งแต่วันแรก แต่ขณะเดียวกัน ฟอร์มูลาวันก็เปรียบเสมือนนวัตกรรมขั้นสุดยอด ที่มีทั้งมูลค่าทางการค้าและมาตรฐานสูงมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวนักแข่ง หรือทีมก็ตาม”
เว็บเบอร์บอกด้วยว่า “ฟอร์มูลาวันเต็มไปด้วยสไตล์ ความมีระดับ ความหรูหรา แฝงไปด้วยเสน่ห์ และความเย้ายวนใจมาพร้อมกับแบรนด์ชั้นนำอย่าง Louis Vuitton”
แม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้การแข่งขันต้องยกเลิกไปในปี 2563 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ต้องยกเลิก พึ่งจะกลับมาจัดอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งในปีนี้ โดยผู้ชมการแข่งขันฟอร์มูลาวันขาประจำยังคงซื้อตั๋วเข้าไปชมการแข่งขันในสนามอย่างเหนียวแน่น เพราะการแข่งขันฟอร์มูลาวัน ก็เหมือนกับคอนเสิร์ตและแฟชั่นโชว์ที่เป็นประสบการณ์ที่ควรได้รับชมในสถานที่จริงมากกว่าดูผ่านจอโทรทัศน์
ขณะที่ Netflix ได้ประกาศสร้างสารคดี Formula 1: Drive to Survive ต่อไปอีก 2 ซีซัน
จากมุมมองของแบรนด์หรู ไม่มีอะไรมีค่ามากไปกว่าการเชื่อมโยงสินค้าของตนเอง กับ ประสบการณ์ชีวิตจริงอันหรูหราที่ลูกค้าจะได้รับ สร้างความประทับใจไปอีกหลายปี และยังคงถูกจดจำได้ เมื่อลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าครั้งต่อไป
ที่มา: South China Morning Post, Vanity Fair