บล.กสิกรไทยห่วงเศรษฐกิจถดถอยกดดันหุ้นโลก ชูหุ้นเด่น 4 กลุ่มหนีความผันผวน

บล.กสิกรไทยห่วงเศรษฐกิจถดถอยกดดันหุ้นโลก ชูหุ้นเด่น 4 กลุ่มหนีความผันผวน

บล.กสิกรไทย ห่วงเศรษฐกิจถดถอยกดดันตลาดหุ้นโลกและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลง แนะนำหุ้นเด่น 4 กลุ่ม รับมือตลาดผันผวน ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า, กลุ่ม Anti Commodity, กลุ่มส่งออกอาหาร และกลุ่มการเงิน

บล.กสิกรไทย ระบุ ปัจจัยต่างประเทศที่มีผลต่อการลงทุนช่วงนี้มี 3 ประเด็น ได้แก่

1.) การดำเนินนโยบายการเงินของ Fed โดยการแถลงของประธาน Fed ต่อสภาครองเกรสวันแรกให้ความเห็นว่า “เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง และสามารถรับมือกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณ Soft landing”

แต่ในวันที่ 2 ให้ความเห็นว่า “การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะกระทบกับตลาดแรงงาน อาจทะให้อัตราการว่างงานสูงขึ้น”

2.) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนประกาศคงเป้าหมายการเติบโต GDP Growth ปี  2565 เท่าเดิม 5.5% โดย KS ประเมินอาจจะทำให้รัฐบาลจีนเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นทั้งการคลังและการเงินเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อให้เศรษฐกิจโตตามเป้า    

โดยก่อนหน้านี้ได้ออกมาตรการ เช่น ลด RRR และการลดอัตราดอกเบี้ย ภาษีและค่าธรรมเนียม รวมถึงเร่งการใช้จ่ายของรัฐบาล ประเมินเป็นบวกต่อ หุ้น PSL, SCGP, CBG 

 

3.) ความกังวลเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ยังมีต่อ ล่าสุดฝั่งยุโรป  S&P GlobaL รายงานดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจของยูโรโซน หลักๆ คือ ดัชนี PMI ภาคการผลิต เดือน มิ.ย. ของเยอรมนี อังกฤษ ปรับลดลงต่ำกว่าคาด และลงใกล้ระดับ 50 จุด (หากต่ำกว่า 50จุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจชะลอตัวสูง)  

 

โดยรวมทั้ง 3 ประเด็นยังเป็นแรงกดดันต่อ  

- ทิศทาง Bond yields ปรับลงต่อ ลบต่อหุ้น BLA แต่จะบวกต่อหุ้นกลุ่มการเงิน (Finance) ที่ราคาหุ้นถูกกดดันก่อนหน้านี้ อาทิ SAWAD, MTC, TIDLOR, AEONTS ฯลฯ   

- ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายสินค้าแนวโน้มเป็นขาลง ทั้งน้ำมันดิบ Brent, ก๊าซธรรมชาติ, อลูมิเนียม  น้ำตาล ฯลฯ  KS ประเมินเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่ม Anti Commodity อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC, BGRIM, PTG, SCGP, EPG แต่เป็นลบต่อหุ้น PTT, PTTEP, KSL ฯลฯ แนะนำชะลอลงทุน

 

ประเด็นที่ต้องติดตามหลังจากนี้

- การเจรจาเรื่องภาษีนำเข้า (tariff) ระหว่างสหรัฐกับจีน ตามรายงานของ USTR ระดับภาษีศุลกากร 2 รอบจะหมดอายุในวันที่ 6 ก.ค. 2565 และ 23 ส.ค. 2565 เว้นแต่จะมีการขยายเวลา

- โอกาสในการเกิด Recession จะเพื่มขึ้นหรือไม่ ?  โดยสัปดาห์หน้าสหรัฐจะมีการรายงาน GDP 1Q22 รอบสุดท้าย จากรอบก่อนหน้าที่ติดลบ แนะนำชะลอลงทุน กลุ่ม Global Play อาทิ กลุ่มพลังงาน, ปิโตรเครมี, กลุ่มยานยนต์)

 

กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำ

- กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF, BGRIM,GPSC, CKP

- กลุ่ม Anti Commodity อาทิ SCGP

- กลุ่มส่งออกอาหาร ASIAN, GFPT, CPF

- กลุ่มการเงิน SAWAD, MTC, AEONTS

 

มุมมองตลาดหุ้น SET

คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,535-1,585 จุด หุ้นแนะนำ ได้แก่

- AEONTS (ราคาพื้นฐาน 249.0 บาท)

  • บริษัทได้ Sentiment บวกจากทิศทาง Bond yields ที่ปรับลง
  • คาดแนวโน้มกำไรจะฟื้นตัวต่อเนื่องติดต่อกันไตรมาสต่อไตรมาส คาดกำไรแข็งแกร่งที่ 27% ในปี 2566 หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ Non-NII ที่สูงขึ้น และสัดส่วนต้นทุน/รายได้ที่ลดลง  และในปี 2566 บริษัทวางแผนที่นำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อดิจิทัลและบัตรเครดิตดิจิทัล  
  • ราคาหุ้นปรับฐานลงมานับตั้งแต่ต้นปี -8.75%ytd อยู่บริเวณโซนแนวรับสำคัญ และอยู่ใกล้ค่าเฉลี่ย (MEAN)  12เดือนForward PE  และมูลค่าหุ้นในปัจจุบันมีราคาถูกเพราะซื้อขายที่ PEG เพียง 0.67 เท่า

- SAWAD (ราคาพื้นฐาน 74.0 บาท)

  • มีมุมมองต่อทิศทาง Bond yield ผ่านจุด Peak ไปแล้ว จากความกังวล Recession และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐ Peak ในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ฯลฯ  ประเมินเป็น Sentiment บวก ต่อหุ้น Finance ใหญ่ที่ได้รับ Effect จากผลกระทบ Bond Yield จำกัดเมื่อเทียบกับ Finance ขนาดเล็ก
  • คาดว่ากำไร SAWAD ได้แตะระดับต่ำสุดแล้วในไตรมาส 1/2565 และคาดกำไรจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและการประหยัดต่อขนาดที่ดีขึ้นของการใช้จ่ายด้านการตลาด
  • ประเด็น สคบ. เตรียมเคาะดอกเบี้ยเช่าซื้อมอเตอร์ไซด์ที่  20% กดดันราคาหุ้น SAWAD ลงไปมากแล้ว โดยปัจจุบันซื้อขายอิงตาม PER ปี 2565 ที่ 12.8 เท่า หรือเท่ากับ 1.5SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PER ในอดีต และมีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะสูงกว่าที่ตลาดคาดการร์กันไว้เป็นปัจจัยหนุนหุ้นฟื้นตัว  

- SCGP (ราคาพื้นฐาน 64.0 บาท)

  • ปัจจัยบวกหนุนราคาหุ้น คือ การเดินหน้าเปิดเมืองเปิดประเทศของไทยเต็มรูปแบบ รวมถึงฝั่งจีนที่ทยอยคลาย Lockdown คาดจะหนุนความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น  หนุนราคาขายกระดาษปรับตัวเพิ่มขึ้น หนุนผลประกอบการในช่วง 2H65 ฟื้นตัวเด่น
  • SCGP ได้ประโยชน์จากราคาพลังงานแนวโน้มปรับลง อาทิ ถ่านหิน ซึ่งคิดราว 5% ของต้นทุนขายทั้งหมด ปรับลงราว 15% นับจากจุดสูงสุดตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. และราคาเศษกระดาษซึ่งเป็นต้นทุนปรับลงจาก 280 เหรียญในงวด 1Q65  ลงมาอยู่ที่  270 เหรียญ/ตันในงวด 2Q65 รวมถึงได้ประโยชน์จากค่า Freight ที่ลดลงต่อเนื่อง
  • ราคาหุ้นถูกกดดันลงมาจนอยู่ในโซนต่ำ Valuation น่าสนใจและดูปลอดภัย โดย 12เดือน Forward PER ของ SCGP ลงมาต่ำกว่าค่าฉลี่ย บริเวณ -1 S.D.

 

ประเด็นเศรษฐกิจที่น่าติดตาม

- 27 มิ.ย. : กำไรภาคอุตสาหกรรมของจีน (ปีต่อปี) (พ.ค.), ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ (เดือนต่อเดือน) (พ.ค.) ตลาดคาด 0.6%, ยอดขายบ้านที่รอการปิดการขายของสหรัฐ (เดือนต่อเดือน) (พ.ค.) ตลาดคาด -2% MoM

- 28 มิ.ย. : คำกล่าวของ ลาการ์ด (Lagarde) ประธานธนาคารกลางยุโรป, รายงานดุลการค้าสินค้าของสหรัฐ (พ.ค.), ดัชนีราคาบ้านใน 20 รัฐจากรายงานของ S&P/CS ของสหรัฐ (ปีต่อปี) (เม.ย.), รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (CB Consumer Confidence) (มิ.ย.) ของสหรัฐ

- 29 มิ.ย. : ความเชื่อมั่นครัวเรือน (มิ.ย.) ของญี่ปุ่น, ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 1) ของสหรัฐ ตลาดคาด 7.1%QoQ, รายงานสินค้าคงคลังน้ำมันดิบ                

- 30 มิ.ย. : ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (มิ.ย.) ตลาดคาด 48.6 จุด, ดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (ปีต่อปี) (พ.ค.) ของสหรัฐ ตลาดคาด 4.6%

- 1 ก.ค. : ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (มิ.ย.) ของสหรัฐ