"บางจาก" พร้อมช่วยรัฐอุ้มราคาน้ำมัน แนะใช้ E20 แทนโซฮอล์ 91-91
“บางจาก” พร้อมร่วมมือรัฐหั่นค่าการกลั่น แต่ต้องชี้แจงผู้ถือหุ้น แนะมองมาตรการระยะยาว หนุนใช้น้ำมัน E20 แทนแก๊สโซฮอล์ 95-91 ชี้ราคาเอทานอลถูกกว่าเบนซิน ควรนำมาใช้ทดแทนการนำเข้าน้ำมันเบนซิน ส่วนผลดำเนินงานปี 65 มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น กำลังการกลั่น102%
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP กล่าวว่า จากการที่กระทรวงพลังงานขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันให้นำส่งกำไรค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล การจัดเก็บค่าการกลั่นน้ำมันเบนซิน รวมถึงโรงแยกก๊าซ เพื่อเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง บางจากขอรอข้อสรุปจากภาครัฐว่าจะขอความร่วมมือกับกลุ่มโรงกลั่น หรือจะออกกฎหมายอย่างไร แต่ก็พร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐภายใต้กรอบของกฎหมายและการค้าเสรีเนื่องจากบางจากเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งก็ต้องชี้แจงผู้ถือหุ้นให้ได้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าหากมีข้อไหนที่ทำได้ก็พร้อม เหมือนกับที่ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น บางจากได้ออกแคมเปญทำคูปองลดราคาน้ำมันให้ลิตรละ 1 บาทเพื่อดูแลลูกค้าของบางจาก แต่ก็อยากให้มองว่ากรณีที่เกิดขึ้นขณะนี้มาจากผลกระทบระดับโลก จึงอยากให้ภาครัฐมีมาตรการเข้ามาดูแลในระยะยาวมากกว่า เนื่องจากมองว่าหากอนาคตมีความเปลี่ยนแปลงอาจจะกระทบต่อความมั่นคง ในขณะเดียวกันด้านบางจากเองก็จะต้องทำตามมาตรการที่ตอบโจทย์กับผู้ถือหุ้นและผู้ร่วมทุนได้ในทุก ๆ เรื่อง
อย่างไรก็ตาม บางจากเข้าใจว่าราคาน้ำมันในช่วงนี้ได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก จากการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปของรัสเซียที่หายไป 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลต่อเหตุการณ์ที่น้ำมันในคลังของยุโรปที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี รวมถึงฝั่งอเมริกาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปีเช่นกัน ซึ่งทางบางจากก็ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยในเบื้อต้นได้หารือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผลักดันการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เป็นน้ำมันพื้นฐานแทนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 เพื่อส่งเสริมการใช้เอทานอลเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถผลิตได้เองในประเทศ อีกทั้งราคาเพียง 25-26 บาทต่อลิตร ในขณะที่ราคาเนื้อน้ำมันเบนซินที่ต้องนำเข้ามาผสมอยู่ที่ 34-35 บาทต่อลิตร
"คาดว่า E20 จะช่วยลดราคาน้ำมันลงได้ 80 สตางค์ ถึง 1 บาทต่อลิตร เพราะการผสมเอทานอลทุก 10% จะทำให้ประหยัดลง 1 บาท ซึ่งก็เป็นทางออกหนึ่งช่วงราคาน้ำมันแพง ขณะที่สถานการณ์ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกคาดว่ายังทรงตัวในระดับสูงล่าสุดราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจจะปรับตัวลงมาเล็กน้อย ส่วนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ประมาณ 170 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ในช่วงฤดูหนาวของยุโรป และสหรัฐอเมริกาปลายปี 2565 นี้คาดว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล และ LPG และหากสงครามยังยืดเยื้อคาดว่าราคาน้ำมันดีเซลมีโอกาสแตะถึง 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2565 นั้นยังไม่สามารถบอกได้ แต่ถ้าดูจากกำลังการกลั่นแล้วสูงกว่าไตรมาส 1/2565 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 2/2565 คาดว่าจะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันเล็กน้อย ขณะที่กำลังการกลั่นของบางจากในปัจจุบันอยู่ในระดับ 122,000 – 123,000 บาร์เรลต่อวัน มีกำลังการกลั่นอยู่ที่ 102% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนภาพรวมในปี 2565 ก็คาดว่าจะสามารถรักษาระดับการกลั่นได้ที่ 122,000 บาร์เรลต่อวัน
ส่วนธุรกิจผลิตปิโตรเลียมในประเทศนอร์เวย์ ภายหลังจากที่ OKEA ASA ซึ่งเป็นบริษัทย่อยบางจากถือหุ้นในสัดส่วน 46% ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายแหล่งปิโตรเลียมในทะเลเหนือ 3 แหล่ง ( 35.2% ในแหล่ง Brage, 6.4% ในแหล่ง Ivar Aasen, และ 6% ในแหล่ง Nova) ซึ่งจะเพิ่มปริมาณการผลิตปิโตรเลียมในปี 2565 ของ OKEA อีกประมาณ 5,000- 6,000 บาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบันผลิตอยู่ที่ 2.5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ยังมีโอกาสที่ OKEA จะซื้อแหล่งปิโตรเลียมใหม่เพิ่มเติม เนื่องจากในนอร์เวย์ยังมีแหล่งปิโตรเลียมขนาดใหญ่ศักยภาพในการผลิตถึง 1 แสนบาร์เรลต่อวัน