"กัญชงไทย" เดินหน้าไกล พัฒนาไม้อัดบล็อก บรรจุเป็นฐานข้อมูลวัสดุระดับโลก

ท่ามกลางกระแสการปลดล็อกกัญชาเสรีเพื่อการแพทย์ของประเทศไทย ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์หลากหลายแง่มุม ในภาคเศรษฐกิจเอง ที่เน้นย้ำในเรื่อง กัญชง เพื่ออุตสาหกรรม ยังคงพัฒนาและวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นเวลากว่า 3 ปี ที่มีการพัฒนาในแง่อุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ไม่เพียงแต่สารสกัดที่ถูกนำมาใช้พัฒนา ส่วนที่เรียกว่าเป็น Waste วัตถุดิบที่ถูกทิ้งหรือเหลือจากการใช้งาน เช่น ราก ลำต้น แกน ยังถูกนำมาวิจัยพัฒนาด้วย 

ล่าสุด เป็นเรื่องน่ายินดีเมื่อ Material ConneXion โดยคณะกรรมการคัดสรร และได้รับรอง Hemp Hurd Board และ Hemp Lightweight Concrete ไม้อัดบล็อกจากแกนกัญชง ให้เป็นวัสดุที่บรรจุในฐานข้อมูลวัสดุระดับโลก หมวดวัสดุธรรมชาติ ซึ่ง Material ConneXion (MCX Approved) เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลวัสดุที่น่าสนใจและนวัตกรรมใหม่ๆ ระดับโลก มีฐานข้อมูลในนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเครือข่ายอีกกว่า17 ประเทศทั่วโลก เช่น มิลาน โคโลญ แดกู โซล อิสตันบูล เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ฮุฟเด โตเกียว รวมถึง กรุงเทพมหานคร

โดย Hemp Hurd Board และ Hemp Lightweight Concrete ทำขึ้นจากแกนกัญชงที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ก่อนนี้ จึงถูกนำมาบดในขนาดที่ต่างกัน อัดขึ้นเป็นรูปทรงต่างๆ โดยกระบวนการผลิตที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานด้านการตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงใช้ในเชิงก่อสร้างเพื่อทดแทนไม้อัดประเภทอื่นๆ ได้

ผลงานครั้งนี้ เป็นการร่วมวิจัยพัฒนา ระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ร่วมกับ บริษัท ดีดี เนเจอร์คราฟท์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ Hempthai ในการพัฒนาจนเกิดเป็นวัสดุสร้างสรรค์ในครั้งนี้ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจ และสอดคล้องเป็นอย่างยิ่งกับแนวทางในการนำพืชกัญชงมาใช้ประโยชน์ทุกส่วน ต่อยอดในแนวทาง BCG Model ซึ่งในแง่ความคงทนก็มีการTest ความแข็งแกร่งของวัสดุ และมีความคงทนไม่แพ้วัสดุไม้อัดประเภทอื่นๆ

ทั้งนี้ ในภาคอุตสาหกรรม กัญชง ยังคงขับเคลื่อนในเชิงเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย TIHTA ซึ่งได้รับการยอมรับ และได้รับความสนใจจากประเทศต่างๆ ทั้งในเชิงแหล่งวัตถุดิบ และเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งในช่วงปลายปีนี้จะมีการรวมตัวของตัวจริงในภาคอุตสาหกรรมกัญชงกว่า 23 ประเทศ 5 ทวีปทั่วโลก โดยประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพงาน Asia international Hemp Expo 2022 จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคมนี้