แนวโน้มทางการจัดการสำหรับปี 2023 | พสุ เดชะรินทร์
คำถามหนึ่งที่มักจะได้รับเมื่อเริ่มต้นปีใหม่คือ ปีใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นนั้นมีแนวโน้มทางการบริหารจัดการอะไรที่น่าสนใจบ้าง
แนวโน้มหรือ Trend ด้านการจัดการของปีใหม่นั้น ก็เป็นสิ่งที่สืบเนื่องมาจากปีก่อน หรือเป็นไปเพื่อปรับตัวให้เข้ากับปัจจัยในเชิงมหภาคที่เปลี่ยนไป
สำหรับปัจจัยในเชิงมหภาคของปีใหม่นี้ในด้านเศรษฐกิจ ผู้เชี่ยวชาญจะมีมุมมองค้ลายกันว่าในปี 2023 นี้เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนและผันผวนของปัจจัยทางด้านภูมิรัฐศาสตร์
สำหรับในไทยนั้นถึงแม้เศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้นจากภาคท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง แต่การส่งออกก็ยังไม่สดใส เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว
ส่วนแนวโน้มทางการจัดการที่น่าสนใจในปีใหม่นี้ ก็ได้ลองสรุปออกเป็นแนวโน้มที่สำคัญ 4 ประการด้วยกัน
1.กลยุทธ์การเติบโตด้วย Ecosystem จะทวีความสำคัญมากขึ้น จากนี้ต่อไปธุรกิจยากที่จะเติบโตและเดินไปข้างหน้าด้วยตนเองคนเดียว แต่ต้องสามารถสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ประกอบด้วยพันธมิตรที่หลากหลาย
ทั้งนี้เนื่องจากความต้องการที่หลากหลายและพฤติกรรมของลูกค้าที่ซับซ้อนมากขึ้น จะเป็นการยากที่บริษัทบริษัทเดียว จะสามารถนำเสนอสินค้า บริการ หรือประสบการณ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ความสำเร็จของธุรกิจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารธุรกิจของตนเองเพียงอย่างเดียว แต่จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำงานร่วมกับธุรกิจอื่นในการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ
ระบบนิเวศทางธุรกิจไม่ใช่เพียงแค่การจับมือเป็นพันธมิตรระหว่างบริษัทในรูปแบบเดิม แต่จะต้องสามารถเชื่อมโยงและร่วมกันสร้างคุณค่าให้แก่กันและกันด้วย
ความสำเร็จของ Ecosystem คือการช่วยให้ทุกบริษัทในระบบนิเวศเดียวกันประสบความสำเร็จไปด้วยกัน และร่วมกันสร้างคุณค่าที่แตกต่างให้กับลูกค้า
2.บริษัทจะต้องมี Resilience หรือความยืดหยุ่นมากขึ้น จากความไม่แน่นอนของปัจจัยมหภาค ทำให้บริษัทที่ไม่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต้องเผชิญความท้าทายมากขึ้น ดังนั้น ผู้บริหารจะต้องเร่งเตรียมพร้อมองค์กรในด้านต่างๆ เพื่อให้องค์กรมีความยืดหยุ่นและพร้อมจะรองรับความไม่แน่นอนต่างๆ ให้ได้รวดเร็วที่สุด
3.โลกของไฮบริด (Hybrid) จะมีความสำคัญมากขึ้นจากโควิดและความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี ทำให้พฤติกรรมของทุกฝ่าย ทั้งพนักงาน ผู้บริหาร ลูกค้า หรือผู้ถือหุ้นเปลี่ยนไป โลกของไฮบริดมาถึงแล้ว และจะเติบโตมากขึ้น
ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่การทำงานหรือการประชุมที่เป็นไฮบริดเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงผู้นำที่เป็นไฮบริด (Hybrid Leader) การซื้อของที่เป็นไฮบริด การใช้ชีวิตที่เป็นไฮบริด ฯลฯ จะมีแนวคิดและทฤษฎีใหม่ๆ เกี่ยวกับไฮบริดออกมามากขึ้น
4.ESG จะทวีความสำคัญมากขึ้น แต่ด้วยมุมมองใหม่ โดย ESG จะกลายเป็นศูนย์กลางของกลยุทธ์และการดำเนินงานขององค์กรมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่กิจกรรมเสริมที่ทำไปเพื่อสร้างภาพลักษณ์เหมือนในอดีต ขณะเดียวกันเรื่องของความน่าเชื่อถือของข้อมูล ESG ก็จะมีความสำคัญมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูล ESG เป็นหนึ่งในข้อมูลที่นักลงทุนใช้ในการตัดสินใจ นอกจากรายงานการเงินแล้ว รายงานความยั่งยืน (หรือ ESG Report) ก็จะมีความสำคัญมากขึ้น ทำให้เรื่องความน่าเชื่อถือของข้อมูลในรายงานดังกล่าวมีความสำคัญมากขึ้น
นอกจากนี้ สิ่งที่มุ่งเน้นในตัว ESG ก็จะเปลี่ยนไป จากเดิมที่ความสนใจส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตัวแรกคือ E-Environment หรือสิ่งแวดล้อม แต่แนวโน้มที่พบเห็นได้คือการหันมาให้ความสนใจต่อตัว S-Social มากขึ้น
ซึ่งจะครอบคลุมทั้งเรื่องของการเหลื่อมล้ำทางสังคม การใช้แรงงานสตรีและเด็ก ความเสมอภาคและความหลากหลายในเรื่องต่างๆ การปกป้องสิทธิส่วนบุคคลและข้อมูล ฯลฯ
แนวโน้มทางการจัดการทั้ง 4 ประการข้างต้น เป็นสิ่งที่ได้เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว แต่มองว่าในปีนี้จะทวีความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น องค์กรที่สามารถปรับตัวและเตรียมพร้อมรองรับแนวโน้มเหล่านี้ได้ก่อน ก็จะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้เร็วกว่า.