อัปเดต! 'บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ' ยืนยันตัวสำเร็จแล้ว 2.7 ล้านราย อุทธรณ์ 7 แสนราย
กระทรวงการคลัง เผยยอด การยืนยันตัวตนบัตรคนจน ผ่านแล้วกว่า 2.7 ล้านราย และยื่นอุทธรณ์กว่า 7 แสนราย ย้ำผู้ยืนยันไม่ผ่าน ตรวจสอบสถานะบัตร ผ่านสำนักงานเขต หรือ ธนาคารที่รับลงทะเบียน
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผย ความคืบหน้าการยืนยันตัวตน ของผู้ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 หรือ บัตรคนจน ณ วันที่ 7 มีนาคม 2566 เวลา 14.00 น. มีผู้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติที่ยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 2,742,919 ราย
โดยมีบางรายที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ เนื่องจากการตรวจสอบสถานะบัตรประจำตัวประชาชนไม่ผ่าน ซึ่งในกรณีนี้ สามารถตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และ หากตรวจสอบและแก้ไขสถานะบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ขอให้กลับมาดำเนินการยืนยันตัวตนอีกครั้ง
นอกจากนี้ การยืนยันตัวตนไม่สำเร็จอาจเกิดจาก กรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่าน ซึ่งผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ กรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่าน ขอให้ติดต่อธนาคารกรุงไทยเพื่อดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนของธนาคารกรุงไทยต่อไป
สำหรับจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการฯ ณ วันที่ 7 มีนาคม 2566 เวลา 14.00 น. มีผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 700,403 ราย ทั้งนี้ การยืนยันตัวตนของผู้ที่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ หรือ ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นไปตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน
โดยการให้บริการในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ และ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และยังได้มอบหมายให้ สาขาของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่มีสาขาในห้างสรรพสินค้า ที่ยังไม่ให้บริการยืนยันตัวตน และยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ พิจารณาเปิดให้บริการเพิ่มเติมเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนอีกด้วย
ทั้งนี้ สำหรับสวัสดิการใหม่ ที่ผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ จะได้รับตามโครงการฯ ปี 2565 มีรายละเอียด ดังนี้
1. วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด จำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน
2. วงเงินส่วนลด ค่าซื้อก๊าซหุงต้ม จากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน
3. วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง 8 ประเภท โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ ได้แก่
- รถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
- รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)
- รถไฟฟ้า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) (ฺBTS)
- รถไฟฟ้ามหานคร (MRT)
- บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด
- รถไฟ
- รถเอกชนร่วม ขสมก. รถเอกชน และส่วนราชการกรุงเทพมหานคร
- รถเอกชนร่วม บขส. และรถเอกชน
- รถสองแถวรับจ้าง
- เรือโดยสารสาธารณะ
4. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า อุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้มีบัตรฯ) ที่ได้รับสิทธิจะเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
5. มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิ ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิมีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิจะเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด
สำหรับ มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางจะชำระค่าบริการที่ผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิที่ใช้บริการตามเงื่อนไขที่กำหนดให้แก่หน่วยงานผู้ให้บริการทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาภูมิภาค
โดยผู้มีบัตรฯ ที่ได้รับสิทธิ ไม่จำเป็นต้องสำรองเงิน ในการชำระค่าไฟฟ้า และ ค่าน้ำประปาแต่อย่างใด โดยผู้มีบัตรฯ ที่ประสงค์รับสิทธิในมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา จะต้องดำเนินการลงทะเบียน ผ่านผู้ให้บริการดังกล่าว ก่อนการเริ่มใช้สิทธิ โดยกระทรวงการคลังจะประชาสัมพันธ์ วันเปิดรับลงทะเบียนให้ทราบอีกครั้ง
ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนโครงการฯ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดโครงการฯ ปี 2565 เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th