สงครามยังไม่หยุด เศรษฐกิจโลกก็ ‘ป่วน’

สงครามระหว่างอิสราเอล ฮามาส ดูเหมือนยังคงทวีความรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา เป็นผลจากกลุ่มติดอาวุธฮามาสโจมตีภาคใต้ของอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ต.ค. คร่าชีวิตประชาชน 1,400 คน รวมถึงชาวอเมริกัน และจับตัวประกันไปยังกาซาอีกเกือบ 240 คน

ทั่วโลกกำลังหวั่นผวา ถึงสงครามที่มีทีท่าขยายวง และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กำลังทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกปั่นป่วนย่ำแย่ลงกว่าเดิม 

ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอ แสดงความกังวลถึง สงครามครั้งนี้ หากความขัดแย้งขยายวงไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ ลุกลามไปถึงส่วนอื่นๆ ของตะวันออกกลาง จะเกิดผลกระทบ เพราะภูมิภาคนี้เป็นแหล่งพลังงานโลกอย่างมหาศาลทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน ซึ่งยังคงใช้กันมากทั่วโลก

หากบริเวณนี้ได้รับผลกระทบจากสงคราม เศรษฐกิจการค้าโลกอาจถึงขั้นพังพินาศ โดยเฉพาะราคาพลังงานที่จะปรับตัวสูงขึ้น ขัดขวางเส้นทางการค้าหลัก 

ดับเบิลยูทีโอ ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของการค้าโลกประจำปี 2566 ท่ามกลางการผลิตทั่วโลกชะลอตัว ในเดือน ต.ค. ลดขนาดประมาณการการเติบโตของการค้าสินค้าทั่วโลกปีนี้ เนื่องจากการตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ที่เริ่มขึ้นในไตรมาสที่สี่ของปี 2565 คาดการณ์ปริมาณการค้าสินค้าทั่วโลกปีนี้จะขยายตัว 0.8% ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของ 1.7% ที่เคยประเมินไว้ในเดือน เม.ย. ส่วนปี 2567 ยังคงคาดการณ์ไว้ที่ 3.3% แทบไม่เปลี่ยนจากครั้งก่อน

การฟื้นตัวของจีนหลังโควิดก็ไม่แข็งแกร่งเท่าที่คาด ทั้งยังมีวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในจีน สหภาพยุโรปก็โตช้ากว่าที่หวัง

สหรัฐดูเหมือนโอเคแต่ยังทรงๆ อุปสงค์โดยรวมลดลงหมดในภูมิภาคส่วนใหญ่ และทั้งสองภาคส่วน เงินเฟ้อยังอยู่ อัตราดอกเบี้ยยังสูงขึ้นอีกนาน

ขณะที่ ช่วงต้นเดือน ต.ค. ดับเบิลยูทีโอ ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของการค้าโลกในปีนี้ สู่ระดับ 0.8% จากระดับ 1.7% ที่มีการคาดการณ์ในเดือนเม.ย. 

ยังไม่นับที่การค้าโลก ยังได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ซึ่งบั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภคในสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย จะเห็นว่า ‘ปัจจัยลบ’ ทั้งหมดทั้งมวลนี้กำลังรุมขย้ำโลก เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกประเทศ ทุกประชาคมโลกต้องตระหนัก

ประเทศไทยเองต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของสงครามที่กำลังลุกลาม และหาทางรับมือให้ได้ในทุกมิติ มองฉากทัศน์ในแบบกรณีเลวร้ายที่สุด ทีมเศรษฐกิจ ความมั่นคง ต้องประเมินสถานการณ์ต่อจากนี้ให้ดี..