ทำไม ‘อิสราเอล’ เป็น ‘ผู้ส่งออกเพชร’ อันดับ 6 โลก ทั้งที่แทบไม่มีแหล่งอัญมณีในประเทศ
แม้ “อิสราเอล” เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่แทบไม่มีแหล่งเพชรเป็นของตัวเอง แต่เหตุใดถึงสามารถขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกเพชร รายใหญ่อันดับ 6 ของโลก และมีศูนย์ซื้อขายเพชรที่ใหญ่ระดับโลกได้
Key Points
- อิสราเอล ติดอันดับ 6 ผู้ส่งออกเพชรรายใหญ่ที่สุดในโลก ปี 2565 ด้วยมูลค่ากว่า 10,900 ล้านดอลลาร์
- ในคัมภีร์ไบเบิล มีเอ่ยถึงอัญมณีอันเลอค่าอย่างเพชร และเกราะหน้าอก (Breastplate) ของนักบวชยิวชั้นสูงก็ประดับไปด้วยเพชร
- อิสราเอลตั้งศูนย์ “Israel Diamond Exchange” (IDE) ขึ้นมาที่เมืองรามัท กัน เขตเทลอาวีฟ เพื่อเป็นตลาดซื้อขายเพชรระดับโลก และผู้เข้าเยี่ยมชมต่อปีกว่า 330,000 คนจากทั่วทุกมุมโลก
ในบรรดาผู้ส่งออกเพชรมากที่สุด 6 อันดับแรกของโลก พบว่า “อินเดีย” ครองอันดับ 1 ตามมาด้วยสหรัฐ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ฮ่องกง เบลเยียม และอิสราเอล ตามลำดับ
นอกเหนือจาก 5 อันดับแรกแล้ว สิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยคือ “อิสราเอล” ประเทศขนาดเล็กมากที่มีทรัพยากรอยู่จำกัด และต้องนำเข้าเพชรจากต่างประเทศ (ทวีปแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ) แต่ทำไมถึงขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกเพชรอันดับ 6 ของโลกในปี 2565 ด้วยมูลค่ากว่า 10,900 ล้านดอลลาร์
คำตอบ คือ ความล้ำหน้าทาง “เทคโนโลยีเจียระไนเพชร” ของอิสราเอล ซึ่งเพชรที่อิสราเอลส่งออกไปต่างประเทศนั้น ไม่ใช่เพชรดิบ แต่เป็น “เพชรเจียระไน” โดยเป็นการนำเข้าเพชรดิบจากต่างประเทศ และนำมาเจียระไน ขัดเงาด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงในประเทศ จนทำให้ “เพชรอิสราเอล” ส่องเป็นประกาย มีหลากหลายรูปทรงอันประณีตและเงางาม แม้แต่สินค้าที่ไทยนำเข้าจากอิสราเอลมากที่สุดอันดับ 1 ก็หนีไม่พ้นเพชรและอัญมณี
- การส่องดูเนื้อเพชรและรอยตำหนิ (เครดิต: Shutterstock) -
- จากชนชาติเร่ร่อน สู่ผู้เชี่ยวชาญด้านเพชร
สิ่งที่ทำให้ชาวอิสราเอลเชี่ยวชาญด้านเพชร จนกลายเป็น “พ่อค้าเพชรของโลก” ย้อนไปในสมัยยุคกลาง ชาวยิวซึ่งเป็นเชื้อสายของชาวอิสราเอล อาศัยกระจัดกระจายในแถบยุโรปและตะวันออกกลาง ไม่มีประเทศเป็นของตัวเอง
พวกเขายังถูกจำกัดสิทธิ ไม่ให้ถือครองที่ดิน ไม่ให้ทำการเกษตรและไม่ให้รับราชการ อาชีพที่พวกเขาทำได้คือ ค้าขายและการเงิน อีกทั้งในช่วง 139 ปีก่อนคริสต์ศักราช อาณาจักรโรมันยังขับไล่ชาวยิวออกจากดินแดน จนพวกเขาต้องเร่ร่อนและแสวงหาที่อยู่ใหม่เรื่อย ๆ
ถึงแม้ชาวยิวขึ้นชื่อเรื่องความขยันและทำธุรกิจเก่งจนร่ำรวย แต่การที่พวกเขาไม่ค่อยเป็นที่ต้อนรับจากชาติพันธุ์อื่น จึงทำให้ต้องอพยพอยู่หลายครั้ง พวกเขาได้เลือกสะสมความมั่งคั่งผ่าน “เพชร” แทน มีขนาดเล็กและง่ายต่อการพกติดตัว
อีกทั้งในคัมภีร์ไบเบิล ยังมีเอ่ยถึงอัญมณีอันเลอค่าอย่างเพชร และเกราะหน้าอก (Breastplate) ของนักบวชยิวชั้นสูงก็ประดับไปด้วยเพชร
ความโดดเด่นเหล่านี้ ทำให้ชาวยิวสนใจ และประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเพชรเป็นจำนวนมากทั่วยุโรป มีการพัฒนาวิทยาการตัดเพชร เจียระไนเพชรสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนพ่อค้ายิวมีชื่อเสียงด้านเพชรขึ้นมา
การค้าเพชรในสมัยก่อน จะเริ่มจากการที่ผู้ขายเปิดถุงกระดาษที่เต็มไปด้วยเพชรให้ผู้ซื้อค่อย ๆ คีบเพชรออกมาและใช้แว่นขยายส่องดูความบริสุทธิ์และเนื้อเพชรใต้แสงตะเกียง
หลังซื้อขายเสร็จสิ้น ทั้งสองจะจับมือกันพร้อมพูดเป็นภาษาฮีบรูว่า “Mazal U’Bracha” หมายถึง “ขอให้โชคดี” ธรรมเนียมอวยพรเช่นนี้ได้แพร่หลายไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
ในสมัยนั้น ศูนย์การค้าเพชรที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ และเมืองอันต์เวิร์ปของเบลเยียม แต่จุดเปลี่ยนสำคัญ คือ ช่วงปี 2473 ที่เกิดกระแสต่อต้านชาวยิวทั่วยุโรป
ต่อมาในปี 2483 กองทัพนาซีเยอรมันได้ยกพลบุกยึดเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม พร้อมทั้งเกิดโศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว พ่อค้าเพชรชาวยิวจำนวนมากจึงอพยพจากยุโรปมาสู่ประเทศเกิดใหม่อย่าง “อิสราเอล” พ่อค้าชาวยิวเหล่านั้นจึงตั้งบริษัทเพชรในกรุงเทลอาวีฟ เมืองเปตะห์ติกวา และเมืองนาตาเนียในอิสราเอล
เมื่ออิสราเอลกลายเป็นศูนย์รวมพ่อค้าเพชรจากทั่วทุกสารทิศแล้ว De Beers ซึ่งเป็นบริษัทเพชรแบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในโลก จึงสนใจและส่งเพชรดิบให้พ่อค้าเพชรอิสราเอลเจียระไน จนทำให้อิสราเอลสามารถเข้าถึงลูกค้าเพชรเป็นจำนวนมาก ซึ่งเพชรอิสราเอลที่มีชื่อเสียง อาทิ เพชรทรงสี่เหลี่ยม (Princess) มีความเปล่งประกายและเล่นไฟมาก
- IDE ศูนย์ซื้อขายเพชรระดับโลก
ในปี 2480 อิสราเอลตั้งศูนย์ “Israel Diamond Exchange” (IDE) ขึ้นมาที่เมืองรามัท กัน เขตเทลอาวีฟ เพื่อเป็นตลาดซื้อขายเพชรระดับโลก มีสมาชิกกว่า 3,000 รายสำหรับผลิตเพชรเจียระไน และผู้เข้าเยี่ยมชมต่อปีกว่า 330,000 คนจากทั่วทุกมุมโลก โดยบริเวณศูนย์มีขนาดราว 90,000 ตารางเมตรที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว ตั้งแต่ธนาคาร บริษัทขนส่ง ที่ทำการไปรษณีย์ บริษัทประกัน ภัตตาคาร โบสถ์ชาวยิว โรงยิม ฯลฯ
- ศูนย์แลกเปลี่ยนเพชรที่ใหญ่ระดับโลกของอิสราเอล (เครดิต: Shutterstock) -
ส่วนพื้นที่เฉพาะซื้อขายเพชรของ IDE นั้น มีขนาดราว 2,500 ตารางเมตร พร้อมบริการกล้องส่องคุณภาพเพชร เครื่องชั่งน้ำหนักเพชร ฯลฯ
- ภายในศูนย์ซื้อขายเพชร (เครดิต: Shutterstock) -
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอิสราเอลได้ตั้งศูนย์ “Israel Diamond Institute” (IDI) สำหรับวิจัยด้านเทคโนโลยีเจียระไนเพชร ซึ่งเมื่อรวมกับความเชี่ยวชาญด้านเพชรของชาวยิวที่มีอยู่เดิมแล้ว จึงกลายเป็นปัจจัยหนุนให้อิสราเอลขึ้นแท่นผู้ส่งออกเพชรอันดับ 6 ของโลก โดยมีตลาดใหญ่ที่สุดคือ สหรัฐ และกำลังเติบโตได้ดีในตลาดจีน ฮ่องกง และอินเดียในปัจจุบัน
อ้างอิง: middiamonds, ehudlaniado, en, israelidiamond, israelcu, co, pbs, wikidiamond, statista