ขาลง ‘ไอที’ อินเดีย!? เด็กจบใหม่สาย IT เสี่ยง ‘ตกงานหลายแสน’
เปิดปรากฏการณ์ที่ดูขัดแย้งกัน เมื่อแรงงาน IT จบใหม่ในอินเดียเสี่ยงว่างงานหลายแสนคน ทั้งที่ประเทศมีบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติจำนวนมากเข้ามาตั้งฐานการผลิต
Key Points
- อัตราการว่างงานโดยรวมของชาวอินเดียเพิ่มขึ้นมาที่ 10.05% ในเดือน ต.ค. 66 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี
- อัตราการว่างงานสำหรับคนอายุ 20-24 ปีในอินเดียอยู่ที่ 46.6%
- การจ้างงานด้าน IT ในอินเดียลดลง 43% ในเดือน ก.ย. และลดลง 14% ในเดือน ต.ค. เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
เรื่องนี้อาจสวนทางกับที่หลายคนคิด เมื่อ “อินเดีย” ที่มีประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก มีบริษัทเทคโนโลยีต่างชาติแห่เข้ามาตั้งฐานการผลิต ไม่ว่าจะเป็น Apple, Amazon, Google, HP, IBM ฯลฯ แต่แรงงานหนุ่มสาว IT ของอินเดียกลับเสี่ยงตกงานหลายแสนคน
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลจากศูนย์ติดตามเศรษฐกิจอินเดีย (Centre for Monitoring Indian Economy) ระบุว่า อัตราการว่างงานโดยรวมของชาวอินเดียเพิ่มขึ้นมาที่ 10.05% ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี และอัตราการว่างงานสำหรับคนอายุ 20-24 ปีอยู่ที่ 46.6% ซึ่งนับว่าสูงอย่างยิ่ง คำถามคือ ทำไมอินเดียถึงเกิดปรากฏการณ์นี้ ทั้งที่เป็นฐานของเหล่าบริษัท IT จำนวนมาก
- พฤติกรรมลูกค้าแปรเปลี่ยนหลังยุคโควิด
คำตอบ คือ ช่วงการระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ผู้คนออกจากบ้านไม่ได้ตามมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการระบาด ธุรกิจเทคโนโลยีออนไลน์จึงเติบโตอย่างก้าวกระโดด เหล่าบริษัท IT ในอินเดียต่างพากันขยายกิจการ โดยบริษัทเทคฯตัวท็อปของประเทศอย่าง Tata Consultancy Services และ Infosys ได้จ้างเด็กจบใหม่มากกว่า 284,000 คนในช่วงโควิด-19
แต่ปรากฏว่าในปัจจุบัน สงครามรัสเซียบุกยูเครนได้จุดไฟเงินเฟ้อไปทั่วโลก ธนาคารกลางหลายประเทศพากันขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อปราบเงินเฟ้อ นั่นหมายถึงต้นทุนดอกเบี้ยทางธุรกิจและการกู้ยืมสูงขึ้นด้วย บรรดาผู้ประกอบการจึงขึ้นราคาสินค้าและบริการตาม จนส่งผลให้ลูกค้าชะลอการบริโภค
ซ้ำร้าย กระแสเทคโนโลยี “ปัญญาประดิษฐ์” (AI) ที่สามารถเขียนโค้ดขั้นพื้นฐานตามคำสั่งมนุษย์ ได้เข้ามาแทนที่พนักงาน IT จบใหม่
ปัจจัยรุมเร้าเหล่านี้ จึงทำให้เหล่าบริษัท IT อินเดียอย่าง Infosys และ Wipro ชะลอการจ้างเด็กจบใหม่ การจ้างงานด้าน IT ในอินเดียลดลง 43% ในเดือน ก.ย. และลดลง 14% ในเดือน ต.ค. เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามข้อมูลจากเว็บไซต์หางาน Naukri.com
สันชิตา กาปูร์ (Sanchita Kapur) นักศึกษาวัย 21 ปี ด้านวิศวกรรมของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง ในเมืองชลันธระของอินเดีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่า “เหล่าบริษัทเทคฯ ซึ่งเคยมาที่มหาวิทยาลัยในปีก่อน ปีนี้กลับไม่เห็นหน้าเห็นตาเลย” เธอกล่าวอีกว่า ถ้ายังหาที่ฝึกงานไม่ได้ เธออาจจะศึกษาต่อในปริญญาโทแทน
ศรีราช เดเกตุ (Shriraj Dekate) นักศึกษาวิชาวิศวกรรม ปี 4 วัย 22 ปี ในเมืองนาคปุระของอินเดีย กล่าวว่า “ตอนนี้ผมกังวลใจ จากแต่ก่อนในทุกปี หลายบริษัทจะเปิดรับเด็กฝึกงาน แต่ในปีนี้กลับไม่มี” ซึ่งเหตุผลที่เขาใฝ่ฝันงานในบริษัทเพราะว่า งานในบริษัท IT จะเป็นประตูไปสู่อาชีพที่มั่นคง เงินดี และมีชีวิตแบบมนุษย์ออฟฟิศ
- อุตสาหกรรม IT ใหญ่เพียงใดในอินเดีย
สำหรับ “อุตสาหกรรมบริการเทคโนโลยี” ถือเป็นหนึ่งในภาคจ้างงานมากที่สุดในอินเดีย และมีสัดส่วน 7.5% ของเศรษฐกิจประเทศเอเชียใต้ที่มีมูลค่าเศรษฐกิจมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์
ตามปกติในแต่ละปี บริษัทเทคโนโลยีจะจ้างเด็กจบใหม่ด้านเทคฯหลายหมื่นคน และฝึกพวกเขาเขียนซอฟต์แวร์ให้กับบริษัทเทคฯต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Apple บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐไปจนถึงบริษัทผลิตน้ำอัดลมเป๊ปซี่
บริษัทเทคโนโลยีที่มีฐานในอินเดีย อาทิ Google บริษัทเสิร์ชเอนจิ้นระดับโลกได้ย้ายการผลิตมือถือ Google Pixel มาที่อินเดีย, Apple พึ่งพาอินเดียเป็นฐานผลิตสินค้าอย่างมือถือ iPhone เพื่อกระจายความเสี่ยงจากจีน, Microsoft บริษัทเจ้าของโปรแกรม Microsoft Office ลงทุนด้านศูนย์ข้อมูล, HP บริษัทผลิตฮาร์ดแวร์ไอที, IBM ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ระดับโลก ให้บริการด้านระบบคอมพิวเตอร์ในอินเดีย และยังเป็นบริษัทที่วางระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ให้กับทำเนียบประธานาธิบดีอินเดีย ฯลฯ แต่ถึงกระนั้น อัตราการว่างงานสำหรับคนอายุ 20-24 ปีของอินเดียก็ยังขึ้นแตะที่ 46.6%
อามิต บาโซล (Amit Basole) รองศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอาซิม เปรมจี (Azim Premji) ให้ความเห็นว่า “ภาวะว่างงานในวัยหนุ่มสาว” ได้กลายเป็นความท้าทายสำคัญของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย เพราะเมื่อพวกเขาไม่พอใจแล้ว อาจลุกฮือขึ้นประท้วง ปิดถนนหนทาง ไปจนถึงบางส่วนอาจก่อความรุนแรงขึ้นได้
ความท้าทายเหล่านี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของโมดี ที่จะรักษาอำนาจรัฐบาลต่อในสมัยที่ 3 เมื่อการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้ากำลังใกล้เข้ามา และแรงงานหนุ่มสาว IT ในอินเดียอาจควรยกระดับฝีมือปัจจุบันให้สูงกว่าขั้นพื้นฐาน เพราะในปัจจุบัน ความสามารถด้านพื้นฐานไม่เพียงพออีกแล้ว และกำลังถูกแย่งงานโดย AI!
อ้างอิง: bloomberg, economict, techcrunch, businessinsider