'ดานอน'ถือหุ้นบริษัทแดนมังกรเพิ่มขึ้น
ดานอนทุ่มทุนกว่า 600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มหุ้นบริษัทนมเนยชั้นนำแดนมังกรเป็นเกือบ 10% ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2
ดานอนทุ่มทุนกว่า 600 ล้านดอลลาร์ เพิ่มหุ้นบริษัทนมเนยชั้นนำแดนมังกรเป็นเกือบ 10% ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 หวังเพิ่มบทบาทในตลาดสำคัญที่ยอดขายผลิตภัณฑ์นมเนยน่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเป็น 89,000 ล้านดอลลาร์
บริษัทดานอนแห่งฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตโยเกิร์ตรายใหญ่ที่สุดของโลก จะใช้เงิน 665 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มหุ้นในบริษัทไชนาเหมิงหนิวเดรี อันเป็นบริษัทนมเนยชั้นนำของจีน
การเคลื่อนไหวครั้งนี้จะทำให้หุ้นของดานอนในไชนาเหมิงหนิวเพิ่มเป็น 9.9% จาก 4% และทำให้ดานอนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ในไชนาเหมิงหนิว โดยข้อตกลงจะแล้วเสร็จในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า
การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีการลงนามข้อตกลงเมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้วกับเหมิงหนิวและคอฟโค ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจจีน โดยดานอน คอฟโค และอาร์ลา จะปรับปรุงการบริหารงานของบอร์ดบริหาร
ความต้องการผลิตภัณฑ์นมเนยที่มีอยู่มากในจีน ทำให้การเข้าถือครองและผนวกกิจการเฟื่องฟูอย่างมาก พอๆ กับการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมทุนในภาคผลิตภัณฑ์นมเนย นอกจากนั้น ความกังวลเรื่องความปลอดภัยในอาหารยังทำให้มีความต้องการนมผงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น และทำให้บริษัทนมเนยในประเทศผูกมิตรกับผู้ผลิตต่างชาติมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทที่ปรึกษาฟรอสต์แอนด์ซุลลิแวน คาดว่ายอดขายผลิตภัณฑ์นมเนยจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในช่วงปี 2555-2560 เป็น 89,000 ล้านดอลลาร์
ดานอน ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารเด็กเบลดินา และน้ำวอลวิก ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทเหมิงหนิวเมื่อเดือนพ.ค.2556 ซึ่งทั้งสองบริษัทตกลงจะผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตแช่แข็งในจีน
ที่ผ่านมา ดานอนมีความต้องการมานานแล้วที่จะมีบทบาทในจีน โดยการร่วมทุนครั้งแรกของบริษัทกับหังโจววาฮาฮากรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของจีน ยุติลงเมื่อปี 2551 หลังจากดำเนินมา 13 ปี
อุตสาหกรรมนมเนยของจีน อยู่ภายใต้การครอบครองของบริษัทท้องถิ่นหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงโมเดิร์นเดรี ไชนาฮุ่ยชานเดรี และวายเอสทีเดรี ขณะที่บริษัทต่างชาติยังมีบทบาทอย่างมากในตลาดเฉพาะกลุ่มอย่างนมผง หลังจากเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหารเมื่อปี 2551
เหมิงหนิวมีแผนนำเงินจากการที่ดานอนเพิ่มหุ้น ไปชำระหนี้เพื่อทำให้ภาระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบันลดลง