"Pet Master"สุขส่งท้ายของ คนรักสัตว์ สัตว์เลี้ยง และโลก
Pet Masterคือโครงการฌาปนกิจสัตว์เลี้ยงที่อยากร่วมแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในวันที่ต้องอำลาสัตว์เลี้ยงแสนรักเพื่อสุขส่งท้ายของทั้ง คน สัตว์และโลก
เพราะสัตว์เลี้ยง ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตร่วมโลก แต่คือ เพื่อน พี่ น้อง หนึ่งสมาชิกคนสำคัญของครอบครัว ที่เหล่าคนรักสัตว์ เลือกที่จะใส่ใจตั้งแต่ขณะมีชีวิต ไปจนถึงบั้นปลายของชีวิต
ที่มาของ “Pet Master” โครงการฌาปนกิจสัตว์เลี้ยงแสนรัก ที่ให้บริการฌาปนกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจร ตั้งแต่ เตาเผาไร้มลพิษ สำหรับสัตว์เลี้ยง พิธีศาสนา พวงหรีดดอกไม้ สวดบังสุกุล ลอยอังคาร บริการถ่ายรูป รับทุกความต้องการของคนรักสัตว์เลี้ยง
“สุนัขที่รักมาก เลี้ยงมา 18 ปี เคยคิดว่า ถ้าวันหนึ่งมันตายไป แล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน รู้สึกมาตลอดว่าเขาก็มีชีวิตเหมือนเรา และอยากทำอะไรให้ดีที่สุดก่อนจะจากไป เลยคิดว่า คนรักสัตว์คนอื่นก็คงคิดเหมือนกัน จึงตัดสินใจทำบริการฌาปนกิจสัตว์เลี้ยงขึ้นมา เพราะในไทย ณ ตอนนั้น ยังไม่มีใครเตรียมในเรื่องนี้”
“พลอยทราย ภัสสรศิริ” ผู้ก่อตั้ง “Pet Master” โครงการฌาปนกิจสัตว์เลี้ยง ใช้พื้นที่ในงาน PET Expo 2014 บอกเล่า ที่มาของบริการเพื่อคนรักสัตว์ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน
เธอเริ่มธุรกิจนี้เพราะเข้าใจคนรักสัตว์ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลเดียว ที่ตัดสินใจเข้ามาให้บริการในด้านนี้ เพราะสิ่งสำคัญไปกว่าการตอบโจทย์ผู้เลี้ยง ก็คือ การหาทางออกให้กับผลกระทบที่มีต่อ “สิ่งแวดล้อม”
“เราเลี้ยงสัตว์ เราก็รัก และอยากให้เขาจากไปโดยที่ไม่รบกวนสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะถ้าเอาไปทิ้งน้ำ น้ำก็เน่า เอาฝังดินทำไม่ดีก็เป็นเชื้อโรค ไปเผากลางแจ้งก็มีควัน มีกลิ่น ซากสัตว์ ถือเป็นขยะติดเชื้อ ถ้าทิ้งลงถัง ก็แพร่เชื้อโรคได้ บางคนเอาไปฝากโรงพยาบาล ก็ต้องใส่ถุงให้เป็นขยะติดเชื้อ ซึ่งเจ้าของบางคนยังทำใจไม่ได้”
แล้วทำอย่างไรถึงจะกำจัดกับซากสัตว์ โดยที่ยังถนอมใจผู้เลี้ยง และไม่ใจร้ายกับสิ่งแวดล้อม
พลอยทราย แนะนำเราให้รู้จักกับเตาเผาไร้มลพิษสำหรับสัตว์เลี้ยง นวัตกรรมเตาเผาไฟฟ้ารักษ์โลก ที่ต่อยอดมาจากธุรกิจของครอบครัว ห้างหุ้นส่วนจำกัด ภัทรพันธุ์อุตสาหการ ผู้ผลิตและจำหน่าย เตาเผาศพ และเตาเผาขยะ “ไร้มลพิษ” ที่คุณพ่อของเธอ “ปรีชา ภัสสรศิริ” เป็นผู้คิดค้นขึ้นเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา
เธอคลุกคลีกับนวัตกรรมของพ่อ และเคยได้นำมาทำโพรเจค ระหว่างเรียนที่คณะสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยออกแบบพื้นที่เผาศพไร้มลพิษ ตอบโจทย์การออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม
“ตอนเรียนจะถูกปลูกฝังมาตลอดว่า การออกแบบอะไรก็ตาม ต้องไม่ใช่เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ต้องออกแบบให้สังคมด้วย เพราะว่าเราเป็นเพียงจุดเล็กๆ ของสังคม การสร้างอะไรขึ้นมา จึงต้องไม่เดือดร้อนสังคมรอบข้าง”
ในวันนี้สถาปนิกรักษ์โลก เลยได้พัฒนาไอเดียสู่ “เตาเผาไร้มลพิษสำหรับสัตว์เลี้ยง” ตลอดจนการออกแบบโลงศพ ที่สามารถฝัง และเผาได้ โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ในรูปแบบของบริการ ฌาปนกิจสัตว์เลี้ยงครบวงจร
ซึ่งบริการอันหลากหลาย ตอบความต้องการด้านจิตใจของลูกค้า กระทั่ง “พิธีกรรมทางศาสนา”
“พิธีกรรม เป็นเรื่องของจิตใจ อย่าง งานศพ เป็นอะไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว สำหรับสิ่งที่เรารักแล้วก็คงอยากทำให้เต็มที่และดีที่สุด ตอนแรกพลอยอยากให้มันเรียบง่ายที่สุด คือมาถึงห่อผ้า จุดธูปลา แล้วเผาเลย แต่สุดท้ายก็ต้องตามใจเจ้าของ เพราะบางคนอยากได้ดอกไม้ อยากได้พวงหรีด อยากถ่ายรูป พาไปลอยอังคาร ซึ่งเราก็เตรียมพร้อมไว้ให้เขา”
ที่มาของแพคเก็จที่แตกต่าง เพื่อให้ง่ายสำหรับลูกค้า ตั้งแต่แบบประหยัด คือ ไม่มีพิธีรีตรอง แค่จุดธูปลา แล้วเผา ในราคาที่ 1,500 บาท กับแบบ “จัดเต็ม” สำหรับคนรักสัตว์โดยเฉพาะ ตั้งแต่บริการ โลง พวงหรีดดอกไม้ พิธีศาสนา สวดบังสุกุล พาไปลอยอังคาร ในราคาค่าบริการตั้งแต่ 5,000 บาท ถึงสูงสุดที่ประมาณ 3 หมื่นบาท
เพราะไม่ได้ตั้งต้นที่อยากให้เป็นธุรกิจ หรือทำกำไรมหาศาลกับบริการนี้ และรู้ดีว่า ยังมีคนรักสัตว์อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มีกำลังจ่าย ในแต่ละเดือน Pet Master จึงให้โควตาเผาฟรีสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ยากไร้ เดือนละ 10 ตัว โดยจะรับสัตว์มาจากมูลนิธิต่างๆ อาทิ มูลนิธิเดอะวอยซ์ (เสียงจากเรา) ของ เก๋-ชลลดา เมฆราตรี มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog Foundation หรือ SDF) รวมถึง บุคคลทั่วไปที่เธอย้ำว่า ถ้าไม่มีทุนทรัพย์จริงๆ ก็แค่ซื้อน้ำมันมาดีเซลสำหรับเผามาให้ แล้วจะดำเนินการแทนให้
โครงการที่เริ่มต้นจาก คิดดี ทำดี ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุมหาศาล เธอบอกว่า ถ้าสิ่งที่ทำเป็นเรื่องดี ก็จะมีคนยื่นมือมาช่วยเอง
“ตอนเริ่มต้นแทบไม่ได้ใช้เงินเลย พอคุณพ่อท่านเห็นว่าดี ก็ให้เตาเผาเก่าๆ มาใช้ พระที่วัดท่านเห็นว่าดี ก็ให้สถานที่วางเตาเผาศพ เลยเชื่อว่า การที่เราทำสิ่งที่ดีทั้งกับคนอื่นและสังคม วันหนึ่งก็จะมีคนเห็นและให้ความช่วยเหลือจนมันเกิดขึ้นได้เอง”
เช่นเดียวกับ ผลิตภัณฑ์แผ่นรองซับฉี่น้องหมา ที่เธอได้ไอเดียจากการใช้กระดาษแบบใช้แล้วทิ้ง แล้วรู้สึกเสียดาย จึงลองออกแบบเป็นแผ่นรองที่ใช้ได้นานขึ้น ลดการสิ้นเปลืองทรัพยากร ซึ่งเมื่อมีคนมาเห็นก็ให้ความสนใจและขอซื้อ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ของตัวเองขึ้นมา เธอบอกว่า ไม่ได้หวงหากใครจะเอาไปทำ เพราะสำหรับเธอ การทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็คือความตั้งใจที่สัมฤทธิ์ผลแล้ว
บริการเพื่อคนรักสัตว์ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวต่างชาติในประเทศไทย โดยเฉพาะคนญี่ปุ่น ที่เธอบอกว่า ให้ความเคารพสัตว์เลี้ยง ประหนึ่งสมาชิกของครอบครัว จึงดูแลอย่างดีแม้ในวาระสุดท้ายของชีวิต โดยที่ผ่านมา Pet Master แทบไม่ใช้การโปรโมทใดๆ อาศัยแค่แนะนำตัวผ่านโฆษณาในกูเกิล (กูเกิลแอดเวิร์ดส์) เปิดเว็บไซต์ (www.petscrematorium.com) เฟชบุ๊ค / PetMasterTH จนเกิดเป็นการบอกปากต่อปาก กลายเป็นที่รู้จักของลูกค้าในวงกว้าง ณ วันนี้
กิจการน้ำดี ไม่ได้ทำเงินมากมายในเชิงธุรกิจ และบ่อยครั้งที่จะต้อง “เข้าเนื้อ” แต่เธอก็บอกว่า “ผลกำไร” ที่สำคัญจากโครงการ คือ สิ่งที่ผู้คนนิยามว่า “ความสุข”
“การทำให้คนอื่นมีความสุขหรือทุกข์น้อยลง มันได้ความสุข พอมาถึงตรงนี้ เรื่องเงินเป็นเรื่องเล็กมาก เพราะตัวเองยังมีสามารถหาเงินจากทางอื่นได้ อย่างทุกวันนี้ก็เปิดบริษัทออกแบบ มีธุรกิจรับจัดงาน และยังชอบที่จะทำอะไรหลายๆ อย่าง แต่ที่จะยังทำต่อไปก็คือ Pet Master เพราะงานนี้ ได้ความสุข”
ก่อนปิดบทสนทนา พลอยทราย ย้อนเล่าหนึ่งเคสประทับใจ ที่กระตุ้นเตือนให้ผู้คนเห็นความสำคัญของสัตว์เลี้ยง
“ช่วงน้ำท่วมหนัก มีเจ้าของคนหนึ่งกลัวน้องหมาจะจมน้ำ เลยเก็บไว้ในห้องเก็บห้อง เพราะไม่คิดว่าน้ำจะเข้าถึง แต่ปรากฏน้ำเข้าไปได้ และท่วมตั้งแต่เที่ยง ยัน 5 โมงเย็น พอเจ้าของกลับมาก็พบว่า น้องหมายังไม่ตาย แต่พยายามว่ายน้ำจนวินาทีสุดท้าย เพื่อรอเจ้าของ พอเจอ หน้ากันก็ตายไปต่อหน้าต่อตา นี่เป็นความรักและภักดีที่น้องหมามีให้เรา โดยที่เราอาจไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ”
และนั่นคือเหตุผลที่เธอยังมุ่งมั่นในเส้นทางนี้ เพราะสำหรับเธอ นี่ไม่แค่ฌาปนกิจสัตว์เลี้ยง แต่คือการสร้างสุขส่งท้าย ให้กับคนเลี้ยงสัตว์ สัตว์เลี้ยง และโลก