CGBตั้งเป้าเบอร์1ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง

CGBตั้งเป้าเบอร์1ตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง

"คาราบาวกรุ๊ป" ตั้งเป้าขึ้นเป็นอันดับ 1 ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังของอาเซียน เล็งเพิ่มสัดส่วนรายได้ตปท.แตะ 50%

นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยว่า พอใจกับ ราคาหุ้นในการเปิดซื้อขายวันแรกเป็นอย่างมาก สะท้อนความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อพื้นฐานของบริษัท โดยย้ำว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท เสถียรธรรม โฮลดิ้งส์ จำกัด , นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ และนายยืนยง โอภากุล ซึ่งถือหุ้นรวมกัน 60.56% ไม่มีนโยบายขายหุ้นที่ถืออยู่อย่างแน่นอน แม้จะติดไซเรนต์ พีเรียด ในสัดส่วนเพียง 55% ของจำนวนหุ้นที่ถืออยู่   

นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังอันดับหนึ่งของอาเซียนภายใน 5 ปี (58-62) โดยหลังจากนี้จะมีการขยายตลาดในเชิงรุก พร้อมตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ แตะระดับ 50% ภายในปี 2560 จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 30% ซึ่งสินค้าที่ขายในต่างประเทศจะมีอัตรากำไรสุทธิมากกว่าในประเทศ 2% โดยจะขยายตลาดเชิงรุก ด้วยงบการตลาดที่ตั้งไว้กว่าปีละ 500 ล้านบาท  

"แม้ตอนนี้เราจะยังเป็นที่ 2 ของประเทศ สำหรับเครื่องดื่มชูกำลัง แต่เราได้มองข้ามช็อต ว่าจะเป็นเบอร์หนึ่งในอาเซียนภายในระยะเวลา 5 ปี และมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ เพราะสินค้าคาราบาวแดงเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าระดับรากหญ้า ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากและหลังจากการเปิดเออีซี เชื่อว่าการกระจายสินค้าจะเข้าสู่กลุ่มคนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น"นางสาวณัฐชไม กล่าว   ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศ อยู่ที่ 22% ขณะที่อันดับหนึ่ง คือ M150 มีส่วนแบ่งการตลาด 44%

ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีหน้าแตะ 10,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 1-2% จากปี 2556 ที่ทำได้ราว 7,000 ล้านบาท พร้อมทั้งคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีหน้าจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าระดับปัจจุบันที่ 13% เนื่องจากจะรับรู้กำลังการผลิตจากโรงงานใหม่เต็มปี ซึ่งสามารถลดต้นทุนได้อย่างมีนัยสำคัญ จากก่อนหน้านี้ที่บริษัท รับจ้างผลิต ประกอบกับจะมีการนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไอพีโอไปชำระหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมดกว่า 3,000 ล้านบาท ทำให้ลดต้นทุนดอกเบี้ยมากกว่า 100 ล้านบาท   

ส่วนกำไรปีนี้เชื่อมั่นว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ระดับ 1,000 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทกำไรสุทธิ 736 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 4 เป็นช่วงที่ผลประกอบการจะดีที่สุดของปีเสมอ นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ยจากนี้ไปปีละอย่างน้อย 20%