เผย2เดือนแรกยอดขอบีโอไอรวม1.3หมื่นล.

เผย2เดือนแรกยอดขอบีโอไอรวม1.3หมื่นล.

"หิรัญญา" เผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท

นางหิรัญญา สุจินัย รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เผยช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-ก.พ.58) มีนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งสิ้น 67 โครงการ เงินลงทุนรวม 13,276 ล้านบาท ซึ่งกระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ และสอดคล้องกับนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ กิจการซอฟต์แวร์ สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล กิจการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และชีวมวล สอดคล้องกับนโยบายสนับสนุนพลังงานทางเลือก กิจการบริษัทการค้าระหว่างประเทศ(ITC) และกิจการสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ(IHQ) สอดคล้องกับนโยบายการเป็นศูนย์กลางการค้าของภูมิภาค

นอกจากนี้ยังมีกิจการที่สอดคล้องกับนโยบายการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าเกษตร เช่น น้ำมันปาล์มดิบ เชื้อเพลิงอัดแท่ง การผลิตถุงมือจากยางธรรมชาติ เป็นต้น รวมทั้งกิจการด้านระบบโลจิสติกส์ เช่น กิจการขนส่งทางเรือ เป็นต้น

"กิจการที่ยื่นขอรับส่งเสริมส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลและบีโอไอคาดหวังที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดขึ้นในประเทศไทยในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่การส่งเสริมการลงทุนที่มีคุณค่า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และก้าวพ้นการเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลาง" นางหิรัญญา กล่าว

นางหิรัญญา กล่าวว่า เพื่อให้เกิดการบูรณาการด้านข้อมูลการลงทุนอย่างแท้จริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ดบีโอไอ ได้ลงนามแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบูรณาการข้อมูลด้านการลงทุน เพื่อทำหน้าที่รวบรวม เชื่อมโยง และวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุน โดยเฉพาะปัจจัยด้านแรงงานทั้งในระดับมหภาคและรายสาขาอุตสาหกรรมที่สำคัญ และผลของการส่งเสริมการลงทุนที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจกำหนดนโยบาย และวางแผนดำเนินการส่งเสริม การลงทุน รวมทั้งสนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชนในภาพรวมให้มีประสิทธิภาพต่อไป

สำหรับคณะอนุกรรมการฯ จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและเศรษฐกิจจำนวน 18 คน ประกอบด้วย รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธาน และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงแรงงาน, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.), การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ธนาคารแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นต้น