เจาะอาวุธลับ “เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป"
ส่องแผนลับ “เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป” ผ่านตา “ขาใหญ่” นเรศ งามอภิชน ไม่นานเกินรออาจเนรมิตศูนย์ค้าส่งติดชายแดน พร้อมปรับโฉมที่ดิน “ตลาดเฉลิมลาภ”
ทำไม!!นักลงทุนรายใหญ่พากันรุมแย่ง หุ้น เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป หรือ PLAT ผู้พัฒนาศูนย์การค้าส่งและปลีก และบริหารพื้นที่ค้าส่งและปลีกให้เช่าเพื่อการพาณิชย์และธุรกิจโรงแรม ที่กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 24 มี.ค.2558 หลังเดินหน้าขายหุ้นไอพีโอจำนวน 700 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 7.40 บาท ในวันที่ 12-13 และ16 มี.ค.2558
“กรุงเทพธุรกิจ Biz Week” สอบถามความสวยหุ้น PLAT จาก “นักลงทุนรายใหญ่” แห่ง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) “นเรศ งามอภิชน” ได้ความว่า ที่ผ่านมาได้เสนอขอซื้อหุ้นไอพีโอกับบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ไป 100 ล้านหุ้น แต่ได้มา 33 ล้านหุ้น ซึ่งนักลงทุนรายใหญ่หลายรายจะได้หุ้น PLAT คนละประมาณ 10 ล้านหุ้น ซึ่งหุ้นดังกล่าวไม่ติดเกณฑ์ระยะเวลาห้ามขาย หรือ ไซเรนต์พีเรียด
ด้วยความที่ PLAT ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ทำให้นักลงทุนพอประเมินผลประกอบการต่อปีได้ ฉะนั้นราคาหุ้นในวันแรกคงไม่ดีดถึง “ร้อยเปอร์เซ็นต์” แต่อาจเปิดระดับ 8.90-9 บาทต่อหุ้น (ความคิดเห็นส่วนตัว) แต่หากมองไปไกลๆ ราคาหุ้น PLAT มีโอกาสขยับขึ้น 100% จากราคาไอพีโอ
เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป มีดีตรงไหน? เขา ตอบว่า นอกจากจะลงทุนในโครงการ เดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม ,โรงแรม Holiday Inn Express และโรงแรม Holiday Inn Resort เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี บริษัทยังมีแผนจะทุ่มงบลงทุนหลายพันล้านบาท เพื่อทำโปรเจคค้าส่ง-ปลีก ขนาดใหญ่ ย่านประตูน้ำ
หลังสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ได้ส่งมอบที่ดินของตลาดเฉลิมลาภจำนวน 7 ไร่ ให้กับ บริษัท เอส.พี.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ส์ แอนด์ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้กลุ่มทุนแพลทินัม ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างพัฒนาปรับโฉมศูนย์การค้าอินทรา หลังบริษัทเข้าถือหุ้นในศูนย์การค้าอินทรา สแควร์ จากผู้บริหารกลุ่มเดิม
นอกจากนั้นบริษัทยังมีแผนจะลงทุนก่อสร้างศูนย์การค้าส่งติดชายแดน ซึ่งโครงการดังกล่าวแม้จะยังไม่ออกมาเป็นรูปร่าง แต่จากการได้พูดคุยกับเจ้าของแล้วเชื่อว่า โปรเจคเหล่านี้เกิดแน่นอน สำหรับเรื่องเงินลงทุนไม่ใช่ปัญหา ปัจจุบันบริษัทแทบไม่มีหนี้ เพราะเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสด ฉะนั้นหากบริษัทคิดจะกู้แบงก์ หรือใช้เครื่องทางการเงินจากตลาดหลักทัรพย์ย่อมทำได้
“ราคาหุ้นไอพีโอยังไม่ได้สะท้อนกับเรื่องใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้น ฉะนั้นหากโครงการที่บริษัทกำลังศึกษาอยู่เกิดเป็นรูปเป็นร่างราคาหุ้นคงไปไกลกว่านี้” นักลงทุนวีไอ เชื่อเช่นนั้น
เขา พูดถึง “จุดเด่น” ของ PLAT ว่า ข้อ 1.ปัจจุบันโครงการศูนย์แฟชั่นค้าส่ง เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมอลล์ ถือเป็นโครงการที่มีค่าเช่าสูงสุดในกรุงเทพและปริมณฑลเฉลี่ย 4-5 พันบาทต่อตารางเมตร 2.เมื่อโครงการเดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม แล้วเสร็จ บริษัทจะมีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นจาก 20,791 ตารางเมตรเป็นประมาณ 8-9 หมื่นตารางเมตร 3.เมื่ออาณาจักรศูนย์การค้าส่ง-ปลีก ย่านประตูน้ำ รวมถึง ศูนย์การค้าแถวชายแดนแล้วเสร็จ ผลประกอบการจะขยายตัวหลายเท่าตัว
สำหรับ “จุดตำนิ” หลังมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของบริษัทพบว่า ความกังวลที่ผู้บริหารบอกต่อนักลงทุน คือ ทุกครั้งที่สถานการณ์ทางการเมืองไม่สงบจะส่งผลต่อกำลังซื้อทุกครั้ง แต่ปัญหาดังกล่าวมักผ่านมาแล้วจบเร็วเสมอ ฉะนั้นส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลกับเรื่องนี้
ยึดประตูน้ำสร้างอาณาจักรค้าส่ง-ปลีก
“สมบูรณ์ วงศ์รัศมี” กรรมการผู้จัดการ บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป อาสาเล่าแผนธุรกิจของผู้หุ้นใหญ่ให้ทีมบิสวีคฟังว่า ความโดดเด่นในเรื่องธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก รวมถึงธุรกิจโรงแรม ทำให้นักลงทุนรายใหญ่สนใจหุ้นเราค่อนข้างมาก ที่สำคัญการที่บริษัทการันตีว่า จะผลักดันรายได้ให้ขยายตัวปีละไม่ต่ำกว่า 5% อาจทำให้ขาใหญ่มั่นใจในตัวเรามากขึ้น
ในปี 2557 บริษัทรับรู้รายได้หลักประมาณ 63.5% จากค่าเช่าและบริการในโครงการเดอะ แพลทินัม แฟชั่นมออล์ รายได้จากอาหารและเครื่องดื่ม 15.5% รวมถึงรายได้จากธุรกิจโรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ 17.3% แต่ในปี 2558 บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้น หลังเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดดำเนินการโครงการ Community Mall ภายใต้เชื่อ “เดอะ วอร์ฟ สมุย”
“เอ็มดีป้ายแดง” หลังนั่งบริหาร PLAT ไม่ถึงปี เล่าถึงแผนธุรกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2558-2562) ว่า นอกจากโปรเจคที่บริษัทบอกนักลงทุนไปแล้ว เรายังอยู่ระหว่างศึกษาโครงการอื่นๆด้วย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในตอนนี้ แต่ถ้าพิจารณาจาก 3 โครงการที่บริษัทกำลังดำเนินการอยู่ รายได้ในปี 2561 ก้าวกระโดดแน่นอน
สำหรับโครงการที่บริษัทกำลังลงทุนอยู่ ประกอบด้วย 1.โครงการตลาดนัดติดแอร์ ภายใต้ชื่อ เดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม ตั้งอยู่ใกล้สี่แยกราชประสงค์ สูง 13 ชั้น จำนวน 20 ไร่ พื้นที่จัดหาผลประโยชน์ประมาณ 64,760 ตารางเมตร มูลค่าประมาณ 7,500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ทำสัญญาเช่ากับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 60 ปี คาดว่าจะเปิดดำเนินการกลางปี 2560
สำหรับรูปแบบของโครงการดังกล่าวจะเน้นจำหน่ายสินค้าหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า อาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยเฉพาะสินค้าจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแบรนด์คนไทย เรียกว่า รวมสินค้าจากตลาดนัดจตุจักร ตลาดอ.ต.ก. และคลองถม ซึ่งสินค้าลักษณะนี้จะดึงกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวได้อย่างดี
“เมื่อโครงการเดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม แล้วเสร็จ ในปี 2562 บริษัทอาจมีสัญญาเช่าอายุ 10 ปี ประมาณ 40% ซึ่งเป็นสัดส่วนเดียวกันกับโครงการ เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมออล์ (กำลังจะครบกำหนดอายุสัญญาในปี 2564)”
2.โครงการโรงแรม 2 แห่ง บนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท แบ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ภายใต้ชื่อ Holiday Inn Express จำนวน 200 ห้อง มูลค่าลงทุน 500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดบริการกลางปี 2560 และโรงแรมระดับ 4 ดาว ภายใต้ชื่อ Holiday Inn Resort จำนวน 150 ห้อง มูลค่าลงทุน 750 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดบริการกลางปี 2561 หรือปี 2562
3.โครงการทางเชื่อมแบงกอก สกายไลน์ มูลค่าลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นการบริหารจัดการทางเชื่อมระหว่างบีทีเอส ชิดลม และศูนย์การค้า โดยจะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 2 เฟส สำหรับเฟสแรกจะเริ่มก่อสร้างในอีก 6 เดือนข้างหน้า คาดว่า ต้นปี 2559 จะเปิดให้บริการตั้งแต่หน้าแพลทินัมถึงบิ๊กซี ราชดำริ ส่วนเฟส 2 จะสร้างผ่านห้างเกสรพลาซ่า ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2560
“เมื่อสามโปรเจคแล้วเสร็จ สัดส่วนรายได้จะเปลี่ยนแปลงไป โดยจะมีรายได้จากค่าเช่า 68% อาหาร 10% และโรงแรม 22% ปัจจุบันต้องยอมรับว่า แม้ธุรกิจอาหารจะมีอัตรากำไรขั้นต้นค่อนข้างต่ำ แต่จำเป็นต้องมี ซึ่งราคาอาหารของเราค่อนข้างถูก เพราะไม่หวังทำเพื่อได้กำไรมากๆ แต่ต้องการสร้างเป็นแม่เหล็กดึงลูกค้า”
“กรรมการผู้จัดการ” บอกว่า บริษัทจะได้ประโยชน์จากการขยายธุรกิจ หลังเปิดเสรีประชาคมอาเซียน (AEC) ปลายปี 2558 เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะเข้ามาในเมืองไทยมากขึ้น ฉะนั้นย่อมส่งผลดีต่อโครงการใหม่ๆของบริษัท ดังนั้นนักลงทุนที่ซื้อหุ้น PLAT คงได้ผลดีตามไปด้วย
ปัจจุบันโครงการ เดอะ แพลทินัม แฟชั่นมออล์ จะเน้นจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 30-40% แต่เมื่อโครงการเดอะ มาร์เก็ต บาย แพลทินัม แล้วเสร็จ สัดส่วนลูกค้าต่างชาติคงขยับเป็น 50% ส่วนธุรกิจโรงแรมเน้นต่างชาติ 90%
“เป้าหมายการทำธุรกิจของบริษัท คือ เป็นผู้นำด้านการพัฒนาศูนย์การค้าส่ง ค้าปลีก และการบริหารพื้นที่ให้เช่าเพื่อพาณิชย์ รวมถึงธุรกิจโรงแรม โดยรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2554-2557 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 29% ต่อปี ส่วนในแง่ของกำไรคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 85.2% ต่อปี”
เขา พูดต่อว่า ในปี 2558 เราจะมีรายได้เติบโตประมาณ 5% จากปี 2557 ที่มีรายได้ 1,446 ล้านบาท หลังบริษัทได้ปรับค่าเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น 5% นักลงทุนได้ยินเช่นนี้ อาจคิดว่าเป็นการเติบโตที่ไม่สูง แต่หากเทียบกับจากฐานที่ใหญ่ และพิจารณาจากฐานะการเงินของผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการใกล้เคียงจะเห็นว่า ตัวเลขนี้ไม่มีใครทำได้ แม้เราจะโตไม่มาก แต่ล่าสุดบอร์ดได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลปี 2557 หุ้นละ 0.062 บาท คิดเป็นมูลค่า 173 ล้านบาท
ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา (2554-2557) บริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี หลังมีอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 99% โดยมีรายได้จำนวน 669.97 ล้านบาท 1,015.11 ล้านบาท 1,169.11 ล้านบาท และ1,446 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนในแง่ของกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 68 ล้านบาท 167 ล้านบาท 245 ล้านบาท และ 436 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในช่วงสิ้นปี 2557 บริษัทมีกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรจำนวน 496 ล้านบาท
“เรายังไม่ได้คิดเรื่องการออกไปลงทุนต่างประเทศ เพราะยังเป็นเรื่องไกลตัว วันนี้ขอทำงานในกรุงเทพ และต่างจังหวัดก่อน หลังกำลังซื้อยังมีอย่างต่อเนื่อง”
"กรรมการผู้จัดการ” ทิ้งท้ายว่า “หุ้น PLAT ถือเป็นหุ้นประเภท Growth Stock เพราะผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
"เปี้ยก-มนตรี ศรไพศาล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ FA และแกนนำการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือ IPO บมจ.เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป ยอมว่า นักลงทุนรายใหญ่แสดงความจำนงขอซื้อหุ้นไอพีโอค่อนข้างเยอะ เรียกว่า มากกว่าสัดส่วน 15% ที่จัดสรรให้กับรายใหญ่ โดยเฉพาะขาใหญ่ประจำบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ส่วนใหญ่เชื่อว่า ฐานะการเงินในระยะยาวอาจขยายตัวมากกว่านี้