“Mellow” นวัตกรรมสยบความเปียกชื้นเจ้าตัวเล็ก

“Mellow” นวัตกรรมสยบความเปียกชื้นเจ้าตัวเล็ก

“เมลโล่ ฟอร์ คิด” ภาคต่อธุรกิจ "ซันบีม" หนึ่งผู้เล่นในสนามสิ่งทอไทยที่เสาะหาสินค้านวัตกรรม มาสร้างอนาคตใหม่ให้ธุรกิจสิ่งทอ

ผ้ารองกันฉี่ ผ้าปูกันน้ำและไรฝุ่น ผ้ากันเปื้อน ผ้าห่มไหมพรม ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ไล่ไปจนแผ่นซับน้ำนม ฯลฯ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์คูลๆ สนองใจคุณแม่ยุคใหม่ ภายใต้แบรนด์ “เมลโล่ ฟอร์ คิด”(mellow for kid) สินค้านวัตกรรมสัญชาติอินเดีย ซึ่งได้สิทธิ์การนำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย บริษัท ซันบีม จำกัด ธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายสีย้อมผ้า และเคมีภัณฑ์สิ่งทอ ฯลฯ ที่อยู่ในสนามเมืองไทยมาเกือบ 3 ทศวรรษ

เมื่อประมาณ 7 ปี ก่อน บริษัท ชีวา เท็กซ์ยาร์น (ประเทศอินเดีย) ได้พัฒนานวัตกรรม Membrane Lamination ที่ช่วยทำให้ผ้ายึดติดกับวัสดุกันน้ำ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่นขึ้นมาได้สำเร็จ จนได้คุณสมบัติของผ้าที่สามารถป้องกันการซึมผ่านของน้ำลงบนที่นอนได้ 100% ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวเด็ก ทำความสะอาดได้ง่าย แห้งเร็วและคงรูป แม้ผ่านการใช้งานไปนานๆ ทั้งยังผ่านมาตรฐาน Oeko-Tex ที่รับรองผลิตภัณฑ์สิ่งทอสำหรับเด็กอ่อน ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกด้วย

หลังทำตลาดไปได้ประมาณ 2 ปี ก็ได้ลองเสนอผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้กับ “ประณีต โยธาประเสริฐ” ผู้ก่อตั้ง บริษัท ซันบีม จำกัด ที่มีคอนเนคชั่นกันมานานหลายปี ขณะที่ธุรกิจซันบีมเดิม ก็มีแต่ทรงกับทรง แต่ไม่ได้เติบโตหวือหวาเหมือนยุคหอมหวานของสิ่งทอไทยในอดีตอีกต่อไปแล้ว

โจทย์เดียวกันถูกส่งต่อให้ลูกสะใภ้ “เอ๋-ปิยพร โยธาประเสริฐ” ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด บริษัท ซันบีม จำกัด ภรรยาของ “ปรัชญา โยธาประเสริฐ” ทายาทรุ่น 2 แห่งซันบีม เพื่อศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในการเปิดตลาดสินค้าตัวนี้ในประเทศไทย

สิ่งที่นักการตลาดสาวค้นพบหลังทำการสำรวจตลาดมาเป็นเวลา 6 เดือนเต็ม คือ

“ผู้บริโภคกำลังต้องการสิ่งนี้ และนี่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่อย่างแท้จริง”

เธอบอก ก่อนอธิบายว่า การฉี่รดที่นอนของลูก และความเปียกชื้นที่เกิดจากการให้นม หรืออาเจียนของเจ้าตัวน้อยเวลาป่วยไข้ กลายเป็นปัญหาใหญ่ของคุณแม่ที่ต้องดูแลลูกเล็ก เพราะต้องทำการซักล้างอยู่ตลอดเวลา จะปูผ้ายางลูกก็ร้อน ส่วนผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ต้องใช้ ก็ดึงเม็ดเงินในกระเป๋าให้หายไปไม่ต่ำกว่าวันละ 80-100 บาท เข้าไปแล้ว

นี่เลยเป็นช่องว่าง และโอกาส ให้กับ “เมลโล่” ผ้านวัตกรรมที่ช่วยรองรับความเปียกชื้นของเจ้าตัวเล็ก ด้วยคุณสมบัติแห้งไว กันน้ำได้ 100% สัมผัสนุ่มสบาย น้ำหนักเบา พกพาง่าย ใช้ซ้ำได้หลายครั้ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อน ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง ซึมซับน้ำได้ถึง 8 เท่าของน้ำหนักผ้า กันไรฝุ่นได้ ที่สำคัญลดการใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปลงได้ด้วย

“คุณแม่ยุคใหม่ คงไม่มีใครที่จะไม่ใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปได้ แต่ทำอย่างไรให้เขาใช้น้อยลง โดยอาจให้ลูกๆ ใส่ผ้าอ้อมผ้าธรรมดาแทน หรือไม่ต้องใส่ผ้าอ้อมตลอดเวลา แล้วปูเมลโล่ลงบนที่นอน ปกติคุณแม่จะใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป วันละ 10 ชิ้น ก็ 80-100 บาท เข้าไปแล้ว แต่ถ้าใช้เมลโล่ผืนเล็กเราขายแค่ 420 บาท นั่นเท่ากับ ใช้เวลา 5 วัน ก็คืนทุนแล้ว และยังใช้ต่อเนื่องไปได้อีกหลายร้อยครั้ง”

เธอบอกจุดขายของผ้านวัตกรรม ที่ตอบโจทย์ได้ทั้งการใช้งานและการประหยัด รับคอนเซ็ปต์ธุรกิจที่พวกเขาว่า

“ขายของดี ในราคาจับต้องได้ ใช้แล้วคุ้มค่า คนใช้งานอย่างมีความสุข และตอบโจทย์การแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้”

เมลโล่ เป็นนวัตกรรมนำเข้าจากอินเดีย แต่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดถูกพัฒนาและออกแบบในเมืองไทย แล้วสั่งให้อินเดียผลิตให้ ในวันนี้เราเลยได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย หลากไซส์ และหลากโทนสี เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคใหม่ จากเริ่มต้นมีสีพื้นๆ แค่ 5 สี ทว่าวันนี้เมลโล่มีให้เลือกถึง 15 โทนสี ใครจะคิดว่าคุณแม่ยุคนี้เขาไม่ได้ซื้อใช้กันแค่ผืนสองผืน แต่เล่นซื้อสะสมทุกเฉดสี ที่สำคัญยังเลือกสีที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเองอีกด้วย

“เราจะแบ่งคุณแม่เป็นหลายๆ กลุ่ม อย่าง กลุ่มคุณแม่หวานๆ ก็จะเน้นพวกสีพาสเทล คุณแม่ฮิปสเตอร์ คุณแม่เท่ๆ ก็จะชอบสีแบบอินดี้ๆ หน่อย พวกสีน้ำตาล สีพลัม สีโอลีฟกรีน อะไรแบบนี้ หรืออย่างโทนสีของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง พวกนี้เราจะจัดเป็นหมวดหมู่ไว้หมด เพื่อให้ลูกค้าเลือกได้ง่ายขึ้น”

สินค้าของเมลโล่เลยไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ แต่ยังเป็นของประดับที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ยุคนี้อีกด้วย ปิยพร เล่าหนึ่งพฤติกรรมที่เกิดกับคุณแม่ยุคใหม่ อย่างการอวดโชว์ลูกในโลกออนไลน์ ซึ่งการมีผลิตภัณฑ์น่ารักๆ เป็นของประกอบฉากก็สำคัญสำหรับสะท้อนไลฟ์สไตล์ของเจ้าตัวน้อยด้วย

หรือการที่คุณแม่ยุคใหม่ ไม่ได้ชอบเลี้ยงลูกอยู่แต่ในบ้าน ทว่ายังชอบหอบหิ้วลูกๆ ไปชิลตามร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฯลฯ ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบให้มีน้ำหนักเบา และพกพาง่าย พร้อมใช้งานได้ในทุกสถานที่ จึงช่วยตอบสนองในไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ในส่วนนี้ด้วย

ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม ไม่ได้ตอบตลาดเพียงกลุ่มเด็กอ่อนเท่านั้น ทว่ายังรวมถึงกลุ่มเด็กโต วัยรุ่นที่เริ่มมีประจำเดือน ที่นำไปปูที่นอนเพื่อรองรับความเปียกชื้นจากการมีรอบเดือนได้ ไล่ไปจนผู้ป่วย และคนชรา ที่เริ่มช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จากสินค้าตัวเดียวกันเลยขยับไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายขึ้น ผ่านการตลาดแบบปากต่อปาก

เมลโล่ เปิดตัวสู่ตลาดเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน โดยช่องทางขายหลักช่วงเริ่มต้น คือเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก การออกบูธในงานแสดงสินค้าแม่และเด็ก ก่อนขยายมาสู่ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก และโซนสินค้าเด็กในเครือเซ็นทรัล ในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากผ้านวัตกรรม พวกเขายังเป็นผู้นำเข้ากระติกน้ำสำหรับเด็กที่ไม่หก ไม่รั่ว แบรนด์ “contigo” มาจำหน่ายในไทยอีกด้วย

จุดยืนในการทำธุรกิจ ณ วันนี้ คือ มุ่งเสาะหาสินค้านวัตกรรมที่ยังไม่มีใครทำในตลาด หรือถ้ามีแล้วก็ต้องเป็นของที่แตกต่างเท่านั้น เพื่อสร้างโอกาสในตลาด “บลูโอเชี่ยน”

ตอนเริ่มต้นธุรกิจยังไม่มีทายาท แต่ในวันนี้ ปิยพร เพิ่งจะคลอดลูกสาว “น้องมายด์-ชนิษฐ์ภัค โยธาประเสริฐ” วัย 8 เดือน นั่นยิ่งทำให้เธอมีความเข้าใจในปัญหาของคุณแม่ยุคใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะความไม่เพอร์เฟคของคุณแม่มือใหม่ ที่ยังต้องการผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาเป็นผู้ช่วยในการดูแลเจ้าตัวเล็กอีกมาก

“คุณแม่ยุคนี้ฉลาดเลือกมากขึ้น โดยจะเลือกแต่สิ่งที่ดีๆ ให้กับลูก จะเลือกอะไรแต่ละที ก็ต้องหาข้อมูล และสอบถามแล้วอย่างน้อย 3-4 แหล่งข้อมูล ต้องเข้าไปดูเว็บไซต์ ดูการรีวิว ดูว่าแบรนด์ไหนดีกว่าแล้วค่อยมาชั่งใจ พฤติกรรมนี้ทำให้เห็นว่า ทำธุรกิจสินค้าเด็กวันนี้ยากมาก และถ้าเราไม่ได้เจ๋งจริง ไม่ดีจริง ก็อยู่ยากขึ้นแน่นอน” เธอบอก

แต่ในความยากก็ยังมีโอกาสดีๆ ซ่อนอยู่ อย่างการที่ครอบครัวยุคใหม่นิยมมีลูกน้อยลง พ่อแม่เลยทุ่มเทกับลูกมากขึ้น เรียกว่า ถ้าของดีจริง แพงเท่าไรก็ยอมจ่าย ขณะสินค้าเด็ก ต่อให้เศรษฐกิจแย่ ก็ยังขายได้ โดยลูกค้าอาจซื้อน้อยลง หรือตัดสินใจช้าลงบ้าง แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะซื้อ ส่วนเออีซี

สำหรับสินค้านวัตกรรมที่ยังไม่ค่อยมีคู่แข่งในภูมิภาคนี้ ก็ยังเป็นโอกาสให้ขยายไปเปิดตลาด ซึ่งปัจจุบันเมลโล่ได้ลองทำตลาดผ่านตัวแทนจำหน่ายไปแล้วที่ มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง และนั่นคืออนาคตที่ยังสดใสของพวกเขา

ธุรกิจเดิมอยู่มาเกือบ 30 ปี ถึงวันนี้ก็ยังแค่ทรงๆ ตัว แต่กับธุรกิจใหม่ที่เกิดขึ้นได้เพียงแค่ 3 ปี กลับเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 15% ซึ่ง “สินค้านวัตกรรม” ก็เป็นอาวุธสำคัญที่พลิกธุรกิจ Sunset ให้ยังสดใสและมีอนาคตในวันนี้

“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””

Key to success
โอกาสธุรกิจเมลโล่ 

๐ มีช่องว่างในตลาด แก้ปัญหาการใช้ชีวิตคุณแม่ยุคใหม่
๐ สินค้านวัตกรรม ยากต่อการลอกเลียนแบบ
๐ พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย รับไลฟ์สไตล์ลูกค้า
๐ ขายของดี คุ้มค่า ในราคาจับต้องได้
๐ หาของแตกต่าง ไม่แข่งในทะเลสีเลือด
๐ เสาะหาของใหม่ พลิกธุรกิจ Sunset ให้มีอนาคต