ไทคอน‘พักซื้อขาย’ก่อนเพิ่มทุน

"ไทคอน"ขอตลาดฯขึ้น "เอสพี" ตั้งแต่ 4-7 ต.ค. เตรียมประชุมบอร์ด 7 ต.ค.นี้ เคาะแผนเพิ่มทุนและการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งอาจกระทบผู้ถือหุ้น
บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) TICON แจ้งว่า บริษัทได้ข้อให้ตลาดหลกทรัพย์สั่งพักการซื้อขายหุ้นของบริษัทเป็นการชั่วคราว (เครื่องหมาย SP) ตั้งแต่วันที่ 4-7ต.ค. 2559 เนื่องจากบริษัทอยู่ในระหว่างการเจรจาตกลงเกี่ยวกับรายละเอียดการเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน และจะมีการลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนภายหลังจากที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติแล้ว
โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 7 ต.ค.2559 เพื่อพิจารณาและลงมติเกี่ยวกับการเพิ่มทุนและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องซึ่งเป้นเรื่องที่มีนัยสำคัญและอาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุนในการซื้อหุ้นของบริษัทในช่วงก่อนประชุมคณะกรรมการบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเรื่องที่เกี่ยวข้องดังกล่าวต่อไป
นักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวว่า ได้มีการสอบถามไปยังไทคอน ซึ่งได้ให้คำตอบเพียงว่าไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในขณะนี้ และจะมีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์วันศุกร์ที่ 7 ต.ค. 2559 เวลา 17.00 น.
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากพื้นฐานมีความเป็นไปได้สูงที่บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) จะขายหุ้นที่ถืออยู่ในไทคอนออกไป โดยคาดว่าจะขายให้กับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่อง หรือต่อยอดมากกว่าเป็นธุรกิจที่ทำนิคมอุตสาหกรรม
“เท่าที่ประเมินจากธุรกิจมีความเป็นไปได้มากสุด คือ บริษัทในประเทศ หรือ บริษัทยักษ์ใหญ่รายอื่นที่ต้องการต่อยอดธุรกิจ เพราะหากดูงบของ ROJNA แล้วถือว่าไม่สวย หนี้สินเยอะ ดอกเบี้ยจ่ายปีละ 2 พันล้านบาท ขายที่ดินได้แค่ปีละ 200-300 ไร่ ถ้าขายได้เป็นเรื่องที่ดี”
ฝ่ายวิจัยบล.ทิสโก้ ประบุว่า มองเห็นการฟื้นตัวของในอัตราการเช่าพื้นที่ของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น ในส่วนของโรงงานจากปลายปีที่แล้วอยู่ที่ 46% เป็น 53% ณ สิ้นเดือนสค.2559 และคาดว่าจะอยู่ที่ 56-57% ในช่วงปลายปีนี้ เนื่องจากเป้าพื้นที่เช่าเพิ่ม 50,000 ตรม. ในปีนี้ ปัจจุบันอยู่ที่ 45,000 ตรม. แล้ว สำหรับคลังสินค้าให้เช่าบริษัทตั้งเป้าพื้นที่เช่าเพิ่มอยู่ที่ 200,000 ตรม.ในปีนี้ ซึ่ง ณ สิ้นเดือนสค. 2016 อยู่ที่ 70,000 ตรม. บริษัทจึงมีการปรับเป้าลงอยู่ที่ 180,000 ตรม. และคาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่จะอยู่ที่ประมาณ 70%
สถานะทางการเงิน ณ สิ้นเดือน สค. 2559 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน อยู่ที่ 1.9 เท่า สำหรับนโยบายการจ่ายเงินปันผล บริษัทจะยังคงมูลค่าของเงินปันผลต่อหุ้นไว้
โดยภาพรวมเรายังมองว่าประเทศไทยยังคงมีความสามารถในการแข่งขันสูงในแง่ตำแหน่งที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้ท่าเรือน้ำลึก สำหรับการผลิตเพื่อส่งออก รวมไปถึงการเป็นศูนย์รวมของห่วงโซ่อุปทาน กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ และ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
ปัจจุบันไทคอนฯ มีโรงงานให้เช่าอยู่ในนิคม 18 แห่ง และมีคลังสินค้าให้เช่าในโลจิสติกส์ พาร์ค อยู่ 33 แห่ง โดยมีอายุเฉลี่ยของโรงงานให้เช่าอยู่ที่ 7 ปี และของคลังสินค้าให้เช่าอยู่ที่ 2 ปี
กลุ่มลูกค้าหลักของโรงงานให้เช่ายังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (23%) และอิเล็กทรอนิกส์ (21%) ส่วนกลุ่มลูกค้าหลักของคลังสินค้าให้เช่าจะเป็นกลุ่มโลจิสติกส์พื้นฐาน (32%)
ส่วนสัญชาติที่เป็นลูกค้าหลักยังคงเป็นประเทศญี่ปุ่น (42%) ตามมาด้วยยุโรป (23%) อเมริกาเหนือ (11%) ไทยและจีน