"นายกฯ" แถลงผลงานปีที่4 ภาพรวมประเทศดีขึ้น-ศก.ขยายตัว ภูมิใจ ต่างชาติยอมรับมากขึ้น ชี้ถ้าไม่สนใจเรื่องดีๆ เอาแต่ให้ร้ายกัน ความเชื่อมั่นประเทศไม่เกิด
เมื่อวันที่ 1 ก.พ.62 เวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงผลการดำเนินงานปีที่ 4 ของรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง โดยโอกาสนี้แต่ละกระทรวงได้นำเอกสารสรุปผลงานมาแจกจ่ายประกอบการแถลงด้วย
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ทุกคนทราบดีว่าในช่วงก่อนที่รัฐบาลและคสช.เข้ามา ประเทศมีวิกฤตการเมือง มีการทะเลาะเบาะแว้ง เศรษฐกิจหยุดชะงักหลายอย่างมีปัญหาไปหมด จึงเป็นเหตุผลและความจำเป็นที่คสช. ตัดสินใจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในวันที่ 22 พ.ค. 2557 โดยได้วางแนวทางการแก้ปัญหาประเทศไว้ 3 ระยะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระยะที่ 3 ที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญและกำลังเดินหน้าสู่การจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 24 มี.ค. 2562
สำหรับผลงานรัฐบาลได้แก้ปัญหาเร่งด่วน อาทิ การแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งแม้ดัชนีชี้วัดจะถูกลดอันดับลง แต่ในประเด็นย่อยดีขึ้น ไม่ใช่จับแต่เรื่องไม่ดี แต่เรื่องดีๆไม่พูดกัน หากเราไม่สนใจเรื่องดีๆ เอาแต่พูดจาให้ร้ายกันไปเรื่อยๆ ความเชื่อมั่นและความเชื่อถือต่อประเทศก็ไม่เกิด รวมถึงปัญหาอีกหลายอย่างที่กำลังดำเนินการ จึงต้องขอร้องให้ใจเย็นๆ ขณะเดียวกันในเรื่องดัชนีชี้วัดการทุจริตคอร์รัปชั่นมีบางคนบอกทำได้ดีกว่านี้ ที่ทำได้แค่นี้เพราะตนอยู่ ก็ขอให้ดูว่าวันหน้านักการเมืองเข้ามาจะเป็นอย่างไร อาจทำดีกว่าหรือแย่กว่าขอให้รอดู ที่ผ่านสถานการณ์โดยรวมของประเทศถือว่าดีขึ้น เศรษฐกิจขยายตัว ดัชนีชี้วัดและการจัดอันดับต่างๆ ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งตัวเลขมีความสำคัญขออย่าไปบิดเบือน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เรามียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างชัดเจน มีการสอบถามความเห็นของประชาชน สำหรับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง เราต้องสร้างประเทศชาติให้มั่นคง ประชาชนมีความสุขปลอดภัยและมีความสงบเรียบร้อย และการรักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนหากไม่มีกำลังทหารก็จะเละกว่านี้ จึงต้องรักษาความสงบ ขณะที่การปฏิรูปตำรวจ มีการร่างกฎหมายหลายฉบับ รวมถึงการแก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชตำรวจและยกระดับการบริการ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีกระบวนการพูดคุยสันติสุข ที่ต้องทำให้สังคมโลกเห็นว่าเราทำตามมาตรฐานสากล ไม่ได้เป็นการเจรจา เพราะเราไม่ได้ไปรบกับใคร ซึ่งเมื่อการแก้ปัญหาดีขึ้นสถิติการก่อเหตุลดลง แต่มีความพยายามสร้างความหวาดกลัวเพื่อไม่ให้ร่วมมือกับรัฐ ดังนั้นอย่าช่วยขยายความรุนแรง เพื่อไม่ให้ลุกลามปานปลาย เพราะจะเปิดช่องให้ต่างประเทศเข้ามา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ด้านการต่างประเทศช่วง 4 ปีที่ผ่านมาตนได้สร้างความภาคภูมิใจและได้รับการยอมรับมากขึ้น ซึ่งเกิดจากการแก้ปัญหาของไทย แต่ไม่ใช่หยุดและเลิกเลย เพราะมีคนจ้องโจมตีอยู่ทั้งคนที่บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ ทำให้ทำงานได้ช้าและขัดแย้ง ซึ่งการเยือนต่างประเทศตนไปครบทุกภูมิภาคถึง 64 ครั้ง รวมถึงประเทศที่เป็นประชาธิปไตยก็ตอบรับอย่างดี ย้ำว่าไม่ได้ไปซื้อของหรือไปเที่ยวเข้าใจกันหรือไม่ เป็นการเจรจาเรื่องการค้าขาย การกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งนี้ประเทศไทยได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานการประชุมอาเซียนในปี 62 นี้ จะต้องทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย อย่าให้เกิดแบบเดิมอีก ทุกคนรู้อยู่แล้วอะไรดีไม่ดี ขณะที่การท่องเที่ยวย้ำว่าคนเข้ามามากขึ้น ดังนั้นอย่าขัดแย้งและอย่าทำร้ายประเทศขยายเรื่องไม่ดีออกไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ด้านสาธารณสุข ขยายสิทธิ์รักษา อย่างเข้าถึงยาราคา 11 รายการ รักษาฟรีโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน สนับสนุนอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เพิ่มค่าป่วยการ 1,000 บาท ศูนย์ดำรงธรรม 3,292 บ้านเรื่องยุติ 3,233 ล้านเรื่อง เรารับฟังประชาชนโดยตรง อย่างไรก็ตามในการปฏิรูปงบประมาณจะเอาเงินมากกว่านี้จากที่ไหน เมื่อเสนองบฯมา ตนก็ลงไปดูไปติดตามสิ่งที่ได้อนุมัติลงไป ไปเก็บข้อมูลเพื่อมาแก้ปัญหา และเยี่ยมประชาชนของตน การลงพื้นที่แต่ละครั้งตนไม่ได้ลงไปหาเสียง มีรัฐมนตรีลงไปล่วงหน้า 3-4 วันมีกิจกรรมต่างๆมีการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ถ้าไปแบบให้พอใจพูดจาเพราะๆ ถ่ายรูปแล้วกลับบ้านก็ทำได้ ซึ่งเรื่องถ่ายภาพนั้นห้ามไม่ได้เพราะทุกคน มีโทรศัพท์ แล้วถ้าให้ถ่ายกับทุกคนคงไม่ได้กลับบ้าน ทั้งนี้หลังจากนี้จะให้ทุกหน่วยงานชี้แจงการดำเนินงาน ทำอะไรไปแล้วต้องพูด ไม่เช่นนั้นจะมีการเสนอข่าวเลอะเทอะไปหมดเช่น เรื่องฝุ่นPM2.5 ที่หาว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรเลยมัวแต่พ่นน้ำและรดน้ำอย่างเดียว
นายกรัฐมนตรี กล่าวในช่วงท้ายด้วยว่า อย่างไรก็ตามต้องร่วมมือทำประเทศไปข้างหน้าพร้อมร่วมหลอมใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อจัดพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกด้วยความสงบเรียบร้อย