ชง 3 มาตรการรองรับสังคมสูงวัย ขยายอายุเกษียณ
ชง 3 มาตรการรองรับสังคมสูงวัย ขยายอายุเกษียณ จัดเก็บประกันสังคม ขยับเพดานเงินเดือนก่อนเงินสำรองหมดในอีก 38 ปีข้างหน้า
เมื่อวันที่ 7 ก.พ.62 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจจัดสัมมนาทางวิชาการหัวข้อ "ROAD to Silver Age เจาะขุมทรัพย์หมื่นล้าน" เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญและทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากรที่จะมีผลต่อการปรับต่อของภาคธุรกิจ โดย Silver Age เป็นกลุ่มสูงวัยที่มีศักยภาพ อายุระหว่าง 55-70 ปี มีรายได้ตั้งแต่ 45,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป คาดว่ามีประมาณ 3.5 แสนคน จากจำนวนประชากรของประเทศ (สำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2560) ซึ่งกลุ่มนี้ยังมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี
ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง ได้ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "นโยบายภาครัฐรองรับสังคมสูงวัย" ว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับมาตรการเพิ่มเงินทุนประกันสังคมที่มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จากการคาดการณ์พบว่า ภายใน 38 ปีเงินสำรองจะหมดจนต้องใช้เงินภาษีหรือเงินทุนสำรองเข้ามาช่วย
ดังนั้น ต้องเตรียม 3 มาตรการรองรับ โดย 1.การขยายเวลาเกษียณอายุ 2.จัดเก็บเงินประกันสังคมเพิ่ม 3.ขยับเพดานเงินเดือนเพื่อแก้ปัญหาแทนที่จะใช้เงินภาษี หรือเงินสมทบเหมือนนต่างประเทศ เสมือนกับเป็นการขึ้นภาษี
โดยทั้ง 3 มาตรการนี้จะออกมารองรับสังคมผู้สูงอายุ เนื่องจากเห็นว่าประเทศไทยได้เข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ คือ มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 10% ของประชากรทั้งประเทศ มาตั้งแต่ปี 2551 และสิ้นปี 2558 ประเทศไทยมีอัตราส่วนผู้สูงอายุคิดเป็น 15% ของประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าจะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ หรือมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปไม่ต่ำกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศในปี 2568
อีกทั้งเป็นการลดภาระงบประมาณของภาครัฐที่เกิดขึ้นในแต่ละปี เพราะในปีงบประมาณ 2559 รัฐบาลจัดสรรงบสำหรับบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเงินสมทบเข้ากองทุนการออมเพื่อการเกษียณ เป็นจำนวนกว่า 2.87 แสนล้านบาทและคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นในปี 2567 เป็น 6.98 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว
"หลังจาก 20 ปีที่ผ่านไม่มีรัฐบาลชุดไหนกล้าที่ดำเนินการเนื่องจากเกรงกระทบกับประชาชนและภาคเอกชนไม่เห็นด้วย ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินการ รวมถึงการแก้โครงสร้างภาษีเพื่อลดความเลื่อมล้ำ โดยเฉพาะกองทุนLTF/RMF" ศ.นฤมล กล่าว