'ฮ่องกง' โอกาสทอง 'อาฟเตอร์ ยู'

'ฮ่องกง' โอกาสทอง 'อาฟเตอร์ ยู'

ไม่ควรละเลยโอกาสใหม่ในต่างแดน 'แม่ทัพ ต.สุวรรณ' นายใหญ่ 'อาฟเตอร์ยู' ยืนยัน ล่าสุดจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ในเกาะฮ่องกง จับมือพาร์เนอร์ขยายแฟรนไซส์นอกบ้านเป็นแห่งแรก ดีเดย์ครึ่งปีหลังชัวร์ !! ก่อนขยับตัวสู่มาเลเซีย สิงคโปร์ มาเป็นสเต็ปต่อไป

ก่อนถึงจุดที่จะต้องถามตัวเองว่า 'เราจะขยายสาขาไปพื้นที่ไหนดี...?' วันนี้สิ่งที่ บมจ.อาฟเตอร์ยู หรือ AU ผู้ประกอบการธุรกิจร้านของหวานภายใต้แบรนด์ของ 'อาฟเตอร์ ยู' จำต้องเร่งปรับตัวหากต้องการสร้างอัตราการเติบโตในอนาคต จากแผนยุทธศาสตร์ใน 3 ปีข้างหน้า (2562-2564) ด้วยการสร้างการเติบโต 'นอกบ้าน & ธุรกิจใหม่' คือ 'ธงผืนใหญ่' !! 

'แม่ทัพ ต.สุวรรณ' กรรมการผู้จัดการ บมจ.อาฟเตอร์ยู หรือ AU เล่าให้ฟังว่า แม้โอกาสการขยายตัวของแบรนด์อาฟเตอร์ ยู ในประเทศช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ยังมีอยู่ค่อนข้างมาก แต่ไม่ควรหลงลืมที่จะออกไปแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในต่างประเทศด้วย หากมองสเต็ปต่อไปนั้น บริษัทคงพึ่งพิงการเติบโตในบ้านอย่างเดียวไม่ได้แล้ว...!! สะท้อนผ่านภาวการณ์แข่งขันในตลาดเมืองไทยที่ยอมรับว่า 'ดุเดือดมาก' มีทั้งผู้ประกอบการแบรนด์ไทยและต่างชาติที่เข้ามาแย้งเม็ดเงินก้อนเดียวกันหมด 

'เรายอมรับว่าปัจจุบันตลาดมีการแข่งขันรุนแรงมาก ทุกคนต่างเข้ามาแย้งเค้กก้อนเดียวกัน แต่อาฟเตอร์ยูมั่นใจในสินค้าและบริการที่ดีเยี่ยมของเราที่รักษาและดูแลมาตรฐานเป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัท ทุกวันนี้เราก็ต้องขยันกันมากขึ้น'

สะท้อนผ่านตัวเลขผลประกอบการปี 2561 ที่เติบโตต่อเนื่อง โดยมี 'กำไรสุทธิ' จำนวน 147.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 128.90 ล้านบาท และมี 'รายได้' จำนวน 880.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 735.38 ล้านบาท 

ปัจจุบัน 'อาฟเตอร์ ยู' มีธุรกิจ 2 ส่วน คือ 'ธุรกิจร้านขนมหวาน' ภายใต้แบรนด์ 'อาฟเตอร์ ยู' และร้านน้ำแข็งไส 'เมโกริ' และ 'ธุรกิจรับบริการจัดงานนอกสถานที่รวมถึงการรับจ้างผลิตสินค้า' ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท หรือที่เรียกกันว่า 'OEM' ให้กับร้านอาหาร หรือแล้วแต่ความต้องการของลูกค้า เป็นต้น

สำหรับ 'จุดหมายแรก' ในการเติบโตนอกบ้านคือ 'ฮ่องกง' โดยบริษัทจะขยายสาขาแบรนด์อาฟเตอร์ ยู ในรูปแบบแฟรนไซส์ให้กับพาร์เนอร์ลงทุน ซึ่งล่าสุดได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ After You Hong Kong Limited ที่เขตบริหารพิเศษ ฮ่องกงแห่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อรองรับการดำเนินงานหรือการทำสัญญารองรับธุรกิจแฟรนไชส์แล้ว 

ทั้งนี้ คาดว่าจะเซ็นสัญญาทางธุรกิจร่วมกันได้ และจะเห็นร้านอาฟเตอร์ ยู สาขาแรกในฮ่องกงได้ภายในครึ่งปีหลังของปี 2562 ซึ่งเบื้องต้นคาดหวังจะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 6 สาขา และตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4-5 ล้านบาทต่อเดือน เนื่องจากราคาขายสูง และจำนวนลูกค้าหนาแน่น โดยบริษัทจะรับรู้ส่วนแบ่งรายได้จากการขายเข้ามาตามสัญญาแฟรนไชส์ 

เขา บอกต่อว่า ฮ่องกงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขยายแบรนด์ในต่างประเทศ เนื่องจากพาร์เนอร์ที่บริษัทเลือกมามีศักยภาพที่สามารถจะนำพาแบรนด์อาฟเตอร์ ยู ขยายเข้าไปในประเทศจีนต่อไปได้ ซึ่งตรงนั้นเป็นมุมมองที่บริษัทมองเห็น แม้ว่าโมเดลธุรกิจแบบแฟรนไชส์จะสร้างรายได้ให้บริษัทไม่หวือหวาเท่ากับการลงทุนเองในประเทศ แต่จะเป็นช่องทางในการขยายแบรนด์ออกไปในต่างประเทศที่มีมาก หากฮ่องกงประสบความสำเร็จประเทศอื่นๆ ก็จะตามมาต่อไป 

'ฮ่องกงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายสาขาในต่างประเทศที่ดี แม้เป็นเมืองไม่ใหญ่มาก แต่มองว่าฮ่องกงจะเป็นไฮไลท์ที่ดีในการขยายสาขาผ่านแฟรนไชส์ และเชื่อว่าจะสร้างยอดขายได้ดี เพราะว่ามีชาวจีนเดินทางเข้าออกจำนวนมาก'

นอกจากฮ่องกงแล้ว ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์เนอร์ที่สนใจเป็นลูกค้าแฟรนไชส์หลายราย ทั้งในประเทศ มาเลเซีย สิงค์โปร ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย หรือแม้แต่สหรัฐฯ ซึ่งที่ผ่านมามีมาพูดคุยด้วยหลายรายแล้ว แต่ในปีนี้จะเน้นการขยายตลาดในฮ่องกงก่อน และหากเป็นไปได้ในปีนี้อาจจะเห็นการขยายสาขาไปในประเทศอื่นอีก 1 แห่ง 

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป จะเห็นบริษัทมีการ 'เคลื่อนไหว' (Active) ในการเร่งขยายสาขาต่างประเทศมากยิ่งขึ้น สะท้อนภาพจากที่ผ่านมาบริษัทลงทุนขยายโรงงาน ในการก่อสร้าง 'ห้องเย็นเก็บสินค้า' บนพื้นที่โรงงานเดิม ใช้เงินลงทุนราว 90 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในต่างประเทศและต่างจังหวัด โดยเฉพาะในสาขาต่างประเทศที่คาดว่าฃวัสดุดิบต่างๆ สัดส่วนเกือบ 60-70% จะต้องมาจากประเทศไทยเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าโรงงานจะเสร็จในเดือนเม.ย.นี้ ประกอบกับปัจจุบันบริษัทมีฝ่ายต่างประเทศขึ้นแล้วเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ และทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   

สำหรับ 'โมเดลธุรกิจใหม่' (Business Model) นั้น โดยบริษัทก็ยังมองในธุรกิจอาหารและขนมหวาน ซึ่งก็อยู่ในแผนธุรกิจปีนี้ด้วย รวมทั้ง 'การซื้อกิจการ' ปัจจุบันสนใจอยู่ 2-3 แบรนด์ในต่างประเทศ แต่ติดต่อไปยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะว่าเขายังเงียบอยู่ 'เรากำลังสนใจแบรนด์แฮมเบอร์เกอร์อยู่แบรนด์หนึ่ง'

สำหรับการเติบโต 'ในบ้าน' เขา บอกต่อว่า ปี 2561 บริษัทเปิดสาขาทั้งหมด  6 แห่ง และถือเป็นปีแรกที่บริษัทโฟกัสเปิดสาขาในต่างจังหวัดโดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ๆ อย่าง เชียงใหม่ , อุดรธานี , พัทยา จังหวัด ชลบุรี เป็นต้น ซึ่งในปี 2562 บริษัทมีเป้าหมายขยายสาขาอีก 10 แห่ง จากปีก่อนที่มีจำนวนสาขาอยู่ที่ 31 สาขา  

โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดสาขาใหม่แล้ว 4 สาขา ประกอบด้วย สาขาห้างไอคอนสยาม , 1o1 the third place , ห้างเซ็นทรัลป่าตอง จังหวัดภูเก็ต และ ห้างเดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ส่วนอีก 6 สาขา คาดว่าจะเปิดได้หมดในไตรมาส 3 ซึ่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ คือ สุขุมวิท 11 , หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และอยู่ระหว่างการดำเนินการเปิดสาขาอีกคือ อุดรธานี , กรุงเทพฯ , เชียงใหม่ และพัทยา หรือ ภูเก็ต 

'ปีนี้เรามีปรับแผนลงทุนเล็กน้อย จากเดิมที่บริษัทเปิดสาขาเฉลี่ยทุกไตรมาส แต่พบว่าสาขาใหม่ที่เปิดในช่วงไตรมาส 4 ของปี จะไม่ส่งผลถึงตัวเลขยอดขายในปีนั้นๆ ดังนั้น เราจึงขยับการเปิดสาขาให้หมดภายในไตรมาส 3 และไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นช่วงที่เราตั้งใจเก็บเกี่ยวยอดขายตอนรับเทศกาลปีใหม่' 

สำหรับปีนี้บริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 100-200 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนที่ใช้ในการขยายสาขาใหม่จำนวน 70-80 ล้านบาท และขยายพื้นที่โรงงานของบริษัท และเพิ่มการผลิตในไลน์ขนมปัง รองรับการสต็อกสินค้าและการส่งออก จำนวนอีก 100 ล้านบาท

ส่วนการร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้าหลากหลายแบรนด์ที่ต้องการให้บริษัทเข้าไปซัพพอร์ตด้านขนมหวาน ยังมีการเติบโตต่อเนื่องขณะเดียวกัน การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในปีนี้ก็ยังมีแผนออกเพิ่มเติมอีกกว่า 10 ผลิตภัณฑ์ โดยในช่วงหน้าร้อนนี้จะมีขนมเกี่ยวกับผลไม้ออกมาสู่ตลาด 

อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีการออกผลิตภัณฑ์ ภายใต้ชื่อ 'ขนมปังเนยโสด' และ 'ขนมปังนมโสด' ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า โดยในปีนี้ก็ยังมองการขายในรูปแบบซื้อกลับบ้านอย่างต่อเนื่อง  

'ปีนี้เราตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 880.73 ล้านบาท ตามการขยายสาขาร้านอาฟเตอร์ ยู เพิ่มอีกจำนวน 10 สาขา' 

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่มาจาก Co-Branding , แฟรนไชส์ , Take a way และเดลิเวอรี่ จะขยับเพิ่มขึ้นมา จากปัจจุบันบริษัทยังมีรายได้หลักมาจากสาขาประมาณ 95%

ท้ายสุด 'แม่ทัพ' ทิ้งท้ายไว้ว่า ยอมรับว่าตอนนี้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน สะท้อนจากปีก่อนที่ลูกค้าเริ่มกลับมาช่วงก่อนปีใหม่ ซึ่งบริษัทก็ได้รับผลกระทบดังกล่าว แต่จากความแข็งแรงของแบรนด์อาฟเตอร์ ยู ทำให้ไตรมาส 4 ยอดขายเติบโตขึ้น และเชื่อว่าปีนี้เราจะผลักดันยอดขายให้เติบโตไปได้ต่อเนื่อง  

โบรกฯขยายสาขาผลักดันธุรกิจโต 

บริษัทหลักทรัพย์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า มีมุมมองต่อ หุ้น อาฟเตอร์ยู หรือ AU ในแง่ของการเติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิในระดับใกล้เคียงปี 2561 ที่ double digit growth ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา โดย key growth driver จะมาจากการขยายสาขาในอัตราเร่งและ SSSG ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์เนยโสด-นมโสดหน้าร้าน      

โดย อาฟเตอร์ ยู ยังคงเป้าการขยายสาขาสำหรับปี 2562 ไว้ที่ 10 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ จากปัจจุบันมี 32 สาขาใน 2561 ทั้งนี้บริษัทคาดว่าน่าจะสามารถเปิดสาขาทั้งหมดได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2562 โดย YTD เปิดไปแล้วถึง 4 สาขาได้แก่ Icon Siam, 101 The Third Place, Central ป่าตอง และ The Market  ราชประสงค์ และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาที่ สุขุมวิท 11 และ หาดใหญ่ในไตรมาส 2 ปี 2562 นี้

นอกจากนี้ยังมีสาขาในแผน (ยังไม่ secured) อีกคือที่ อุดรธานี , กรุงเทพฯ , เชียงใหม่ และพัทยาหรือภูเก็ต  ดังนั้น ยังคงแนะนำ 'ซื้อหุ้น AU' โดยให้ราคาเป้าหมาย 10 บาทต่อหุ้น